"อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข แจงไม่เคยพูดให้โควิด-19 ปรับเป็นโรคประจำถิ่น หรือเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.ค. 65 นี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ พร้อมเผยว่า "หากมาถูกทาง ยอดเสียชีวิตลดลง-ติดเชื้อไม่รุนแรง โดยจะผ่อนคลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า จะยังไม่มีการพิจารณาให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และยังไม่เคยประกาศว่าจะกำหนดให้วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นวันที่ต้องเริ่ม
แต่ขณะนี้สถานการณ์ก็อยู่ในแนวนี้อยู่แล้ว โรคประจำถิ่นไม่ใช่อยู่ดีๆ จะประกาศได้ เพราะตอนที่ประกาศเป็นโรคร้ายแรง ทางองค์การอนามัยโลกก็เป็นผู้ประกาศ ซึ่งก็ต้องมีการประสานงาน แต่การออกมาตรการต่างๆ ก็พยายามใช้สถานการณ์ปัจจุบัน ผ่อนคลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เบื้องต้นสถานการณ์โควิดของประเทศไทยก็เริ่มเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สธ. จ่อชง ศบค. ชุดใหญ่ ปรับพื้นที่สีเขียว เปิดผับบาร์ คาราโอเกะ 20 พ.ค. นี้
อนุทิน ประชุม คกก. โควิด เป็นโรคประจำถิ่นครั้งแรก คาดปลาย พ.ค ลดระดับเตือนภัย
สธ.ประกาศคลี่คลายโควิด19 ลดเตือนภัยเป็นระดับ 3 จากระดับ 4 ทั่วประเทศ
“การเป็นโรคประจำถิ่นก็คือมีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่มาก แต่อาจมีผู้ติดเชื้อ จำนวนมากก็ได้ แต่อาการไม่รุนแรง คนที่ได้รับวัคซีนแล้วอาการไม่รุนแรงไม่ถึงขั้นเสียชีวิต นี่คือบริบทหนึ่งของโรคประจำถิ่น”
นายอนุทิน ย้ำว่า วันนี้ที่ประชุม ศบค. จะพิจารณาการปรับพื้นที่สีต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลาย การให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงดำเนินกิจการได้ ไม่ใช่ขายอาหารแต่เพียงอย่างเดียว
ส่วนความคืบหน้าการแก้ไข พ.ร.บ. โรคติดต่อที่จะมาบังคับใช้แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายอนุทิน กล่าวว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อถูกนำมาใช้อยู่แล้ว ควบคู่ไปกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการรวมความร่วมมือของทุกฝ่าย
โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตราบใดที่ ศบค. ยังไม่ยุบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังมีผลบังคับใช้อยู่ เราก็ทำงานร่วมกัน ส่วนการสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่าง เป็นข้อแนะนำในการปฏิบัติตัว ไม่ใช่การบังคับ เพราะไม่มีกฎหมายใด
กำหนดว่าไม่สวมหน้ากากแล้วจะถูกลงโทษ เราไม่ต้องบังคับใช้ เพราะเราได้รับความร่วมมือจากประชาชน ถึงมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น วันนี้ผู้ป่วยหนักก็เหลือประมาณหลักพันต้นๆ การควบคุมสถานการณ์ต่างๆก็ดีขึ้น