กรุงเทพฯ ประกาศ สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว โดยทุกสถานที่ตามประกาศต้องปฎิบัติตามมาตรการโควิด19และสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้แต่ไม่เกิน 24.00 น. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
กรุงเทพมหานครได้ประกาศ สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 52 ลงนามโดย นาย ขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งในตอนนี้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันแรก! นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนครบ เข้าไทย เที่ยวได้เลย เข้ายังไงเช็กที่นี่
นายกฯ ปราศรัยวันแรงงานแห่งชาติปี 65 ย้ำ ยกระดับทักษะแรงงานไทยด้วยเทคโนโลยี
Top 5 ข่าวปลอมโควิด-19 ที่มีคนแชร์มากที่สุด พร้อมวิธีเช็กก่อนส่งต่อ
ทั้งนี้การประกาศได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และมีคำสั่งดังนี้
1. การบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและเครื่องดื่ม เปิดได้เฉพาะร้านที่ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA Plus ขึ้นไป หรือ Thai Stop Covid 2 Plus แล้วเท่านั้น และจำกัดการให้บริการและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ไม่เกิน เวลา 24.00 น.
2.โรงภาพยนตร์ เปิดดำเนินการได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
3.สถานเสริมความงาม ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม ร้านทำเล็บ และร้านสัก เปิดดำเนินการได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจโควิด-19 ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง ก่อนใช้บริการ โดยวิธี RT-PCR หรือ ATK
4. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และสถานประกอบการนวดแผนไทย เปิดดำเนินการได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจโควิด-19 ในระยะเวลา 72 ชั่วโมง ก่อนใช้บริการ โดยวิธี RT-PCR หรือ ATK
5.การให้บริการเพื่อการจัดประชุม สัมมนา หรือการจัดงานในโรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม สถานที่จัดนิทรรศการ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้ปฏิบัติตามที่สาธารณสุขกำหนด และอนุญาติให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานได้เฉพาะสถานที่ที่ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และจำกัดในดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น.
มาตรการทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป กรณีมีผู้ที่ฝ่าฝืนต้องได้รับโทษทางกฏหมายคือจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่น หรือ ทั้งจำทั้งปรับ