มิโน่ ไรโอล่า ประวัติ เอเยนต์นักฟุตบอลตัวท็อปของวงการ

ท่ามกลางกระแสข่าวการย้ายทีมของ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ ว่าที่สุดยอดนักเตะโลกลูกหลังยุคปัจจุบัน กลับมีข่าวลือช็อกวงการว่าเอเยนต์ประจำตัวของเขาอย่าง มิโน่ ไรโอล่า เสียชีวิตกะทันหันในโรงพยาบาลเมืองมิลาน

Current health status for the ones wondering: pissed off second time in 4 months they kill me. Seem also able to ressuscitate.

— Mino Raiola (@MinoRaiola) April 28, 2022

ไรโอล่า ทวิตชี้แจงด้วยอาการหัวเสียต่อข่าวลือการเสียชีวิต 2 ครั้งในรอบ 4 เดือน พร้อมปิดท้ายด้วยการแซะตามสไตล์ "ผมคืนชีพได้"

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ :

• โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกอียิปต์ใส่ประวัติในหลักสูตรวิชาอังกฤษ ส่งต่อพลังบวก

• แฟนลิเวอร์พูล ร้อง You’ll Never Walk Alone ให้กำลังใจโรนัลโด้ เกมแดงเดือด

• ฟาน กัล ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ฉายแสง 25 ครั้ง ปิดเงียบไม่บอกลูกทีมฮอลแลนด์

ประวัติ - มิโน่ ไรโอล่า (Mino Raiola) เกิดที่เมืองซาแลร์โน ประเทศอิตาลี ก่อนจะย้ายตามครอบครัวไปใช้ชีวิตที่เมืองฮาร์เลม ประเทศเนเธอร์แลนด์ วัยเด็กเขาเติบโตมาในร้านพิซซ่าที่เป็นธุรกิจของครอบครัว โดยรับหน้าที่เด็กเสิร์ฟทำให้มีทักษะการพูดคุย เจรจา รวมถึงภาษาที่หลากหลาย

เขาเลือกเรียนคณะคณะนิติศาสตร์ พร้อมกับเล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชนของ HFC Haarlem แต่สุดท้ายตำแหน่งที่เขาได้รับคือการเป็นหัวหน้าทีมเยาวชน และประธานเทคนิคของทีม

 

 

ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ มิโน่ ไรโอล่า ได้เข้าไปทำงานกับ Sports Promotion บริษัทเอเยนต์ชั้นนำของเนเธอแลนด์ ซึ่งดีลแรกในปี 1992 คือการร่วมผลักดัน ไบรอัน รอย (Bryan Roy) ดาวรุ่งของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไปยัง ฟอจจา สโมสรเล็กๆในเซเรีย อา อิตาลี

นอกจากนี้ยังพาเหรดนำพาแข้งชาวดัตช์ฝีเท้าดีไปยังสโมสรอิตาลีมากมาย อาทิ มาเซียโน่ วิงค์ (Marciano Vink) ในปี 1993 ไปยังเจนัว และแพ็คคู่ วิม ยอง (Wim Jonk) และ เดินนิส เบิร์กแคมป์ (Dennis Bergkamp) เข้าสังกัด อินเตอร์ มิลาน ในปี 1993  เรียกได้ว่านักเตะรายได้ผ่านฝี (ปาก) การเจรจาของ ไรโอล่า สามารถการันตีอนาคตเส้นทางลูกหนังได้เลย

ต่อเขา มิโน่ ไรโอล่า ได้เปิดบริษัทเอเยนต์ของตนเองชื่อ "อินเตอร์เมซโซ่" และเริ่มปรากฏการณ์ของเขาในปี 1996 ด้วยการนำ พาเวล เนดเวด (Pavel Nedved) จอมทัพทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก วัย 26 ปี ของ สปาร์ต้า ปราก ที่กำลังมองสโมสรใหม่เพื่อผลักดันอาชีพของเขาสู่ระดับท็อป เมื่อเขามีซุปเปอร์เอเยนต์อย่างไรโอล่าเส้นทางของเนดเวดจึงลงเอยกับสโมสรชั้นนำอย่าง ลาซิโอ ตามด้วย ยูเวนตุส ก่อนตะลุยเส้นทางอาชีพอันรุ่งโรจน์ถึงขั้นคว้ารางวัล "บัลลงดอร์" มาครองได้สำเร็จในปี 2003

รวมถึงการเจอกับนักเตะที่มีคาแรคเตอร์อย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (Zlatan Ibrahimovic) ที่สถานะตอนนั้นยังเป็นแค่ดาวรุ่งของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม นักเตะเองเคยไปทดสอบฝีเท้ากับ อาร์เซน่อล แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ สุดท้าย ไรโอล่า รับงานเป็นเอเยนต์ให้ก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เขานำ "อิบรา" ไปสู่สถานที่คุ้นเคยอย่าง ยูเวนตุส ตามด้วย อินเตอร์ มิลาน จากนั้นเส้นทางอาชีพของแข้งร่างยักษ์ที่พุ่งถึงขีดสุดด้วยการค้าแข้งกับทีมชั้นนำทุกลีกทั้ง บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนสถาปนาตัวเองจนได้ฉายา "พระเจ้า" ของวงการลูกหนังที่ยังโลดแล่นอยู่ในสนามแม้วัยจะปาเข้าไป 40 แล้วก็ตาม

สุดท้ายที่ขาดไม่ได้สำหรับวีรกรรมของ มิโน่ ไรโอล่า ที่โชว์ความเขี่ยวในการเจรจาเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "ลูกค้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด" เจ้าตัวคือตัวการที่ทำให้ ปอล ป็อกบา ที่ขณะนั้นยังเป็นดาวรุ่งของ แมนฯยูไนเต็ด ไม่ยอมรับสัญญาใหม่กับทีม และเลือกย้ายไปยัง ยูเวนตุส ก่อนจะย้ายกลับมา "ปีศาจแดง" ด้วยค่าตัวสถิติโลกสูงถึง 89 ล้านปอนด์ กับการเจรจาที่ยืดยาวเป็นมหากาพย์หน้าสื่อรายวัน

และนี่คือประวัติของ มิโน่ ไรโอล่า เจ้าของฉายา "ซุปเปอร์เอเยนต์" ของวงการลูกหนัง ที่แม้ว่าหลายคนจะเกลียดขี้หน้า และมองว่าเขาหน้าเลือด แต่มันก็เป็นวิถีของอาชีพที่ต่างคน ต่างมุมมอง เพราะอยู่คนละสถานะกัน สุดท้าย ไรโอล่า ซึ่งกำลังต่อสู้อย่างหนักต่อโชคชะตา และเขาหวังว่าจะได้กลับมาสานต่อดีลที่กำลังจะเป็นประวัติศาสตร์ของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ให้เรียบร้อย ขอให้พระคุ้มครอง Mino Riola