"ปริญญ์" โดนแจ้ง 2 ข้อหา "อนาจาร-ข่มขืน" จ่อฝากขังและเพิ่มเงื่อนไขประกัน ป้องกันการหลบหนีเพราะมีบ้านอยู่ต่างประเทศ พร้อมเตรียมเสนอศาลห้ามออกนอกประเทศ ด้าน รอง ผบช.น. ย้ำไม่อาจคุมตัวได้ เนื่องเหตุจากมามอบตัวเอง
จากกรณีการนำเสนอข่าวกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ลุมพินี เนื่องจากมีผู้เสียหลายรายเข้าร้องทุกข์ว่าเป็นผู้ที่ก่อเหตุ ล่อลวงหญิงสาวผู้เสียหายหลายรายไปข่มขืนและกระทำอนาจาร โดยเมื่อช่วงเช้าเจ้าตัวพร้อมด้วยทนาย ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00น. โดยประมาณ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า นายปริญญ์ ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา วันนี้ก็ได้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และจะนำเอกสารหลักฐานมาประกอบภายหลัง แต่เนื่องจากนายปริญญ์ เดินทางมามอบตัวด้วยตนเอง ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.134 เจ้าหน้าที่จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัวไว้ เพราะยังไม่มีการออกหมายจับ เว้นแต่เจ้าตัวไม่มาตามนัด จึงเตรียมฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้พรุ่งนี้ เวลา 8.00 น. ตำรวจจะสามารถจับกุมได้ทันที ซึ่งในการยื่นประกันตัวก็ต้องยื่นในชั้นศาลเพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนคดีนี้จะดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระ โดยในพื้นที่ สน.ลุมพินี มีทั้งหมด 3 คดี ก็ต้องยื่นประกันตัวในแต่ละคดี
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อหา รวม 3 สำนวน กับนายปริญญ์ คือ 1.ข้อหาอนาจาร 2สำนวน สำนวนแรกคือ คดีต้นเรื่องที่มีการเข้าร้องทุกข์ต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และคดีที่3เป็นคดีนักศึกษา18ปี ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ล่าสุดเมื่อวันที่15เม.ย.ที่ผ่านมา และ 2.ข่มขืนคือคดีในส่วนของภรรยานักเคลื่อนไหวการเมือง ในส่วนของผู้ร้องทุกข์รายอื่นจะมีการโอนสำนวนไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนกรณีวันจันทร์ที่ 18 เม.ย. นี้ จะมีเหยื่ออีก 5 คน เข้าแจ้งความเพิ่มเติมนั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ยังสามารถทำงานได้โดยยังไม่ต้องตั้งทีมพิเศษในคดีนี้ อีกทั้งเบื้องต้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.ที่ดูแลด้านกฎหมาย กำกับดูแลคดีด้วยตัวเอง ลงมาควบคุมกำกับดูแลด้วยตนเองอีกด้วย ซึ่งคดีนี้โรงพักสามารถทำเองได้ แต่อาจนำชุดสืบสวน บก.น.5 มาร่วมทำงานกรณีมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม แต่ตอนนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา
ขอยืนยันว่าไม่หนักใจที่ผู้ต้องหาเป็นบุคคลมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะตำรวจยึดหลักตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เราทำงานตามกรอบกฎหมายอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม รวมถึงมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีต่อคดีนี้
อย่างไรก็ตาม ในการฝากขัง ตำรวจจะขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเจ้าตัวออกนอกประเทศ เพราะผู้ต้องหามีบ้านพักในต่างประเทศ รวมถึงคดีมีโทษหนักและผู้เสียหายหลายคน พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อจับตาเฝ้าระวังการหลบหนีไว้แล้ว