เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนหันมา WFH (Work From Home) หรือการทำงานที่บ้านกันมากขึ้น เทรนด์การ Remote Work หรือไม่ต้องทำงานที่ออฟฟิศจึงเป็นที่นิยมในหลายบริษัททั่วโลก ทำให้สถิติเกี่ยวกับการทำงานแบบนี้ เปลี่ยนไปจากที่เคย
ปัจจุบันคนยุคใหม่เริ่มหันมาทำงานที่ร้านกาแฟ Co-Working Space ที่หลายครั้งเคยเป็นที่ประจำของหลายๆตำแหน่งที่ต้องการความครีเอทีฟ ความสร้างสรรค์ แต่ปัจจุบันแทบจะทุกตำแหน่งเริ่มหันมาทำงานนอกสถานที่กันแล้ว
เนื่องจากหลายๆปัจจัยที่ทำให้พนักงานออฟฟิศไม่อยากเดินทางเข้าออฟฟิศอีกต่อไป เช่น ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หลากหลายบริษัทและธุรกิจในอนาคตอาจไม่ต้องเช่าที่เพื่อเปิดบริษัท ค่าใช้จ่ายของสถานที่ต่างๆ ค่าไฟฟ้าก็จะลดน้อยลงไป แต่ยังได้ประสิทธิภาพการทำงานและผลงานเท่าเดิม ทำให้สถิตินั้นเปลี่ยนไปจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง เรามาลองดูสถิติเหล่านี้กัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
16% บริษัททั่วโลก เริ่มทำงานแบบ Remote Work แบบ 100% แต่มีอีก 44% ยังคงทำงานที่ออฟฟิศอยู่
62% ของพนักงานอายุ 22-65 ปี ต้องการทำงานแบบไม่เข้าออฟฟิศหรือเข้าออฟฟิศเป็นครั้งคราวเมื่อจำเป็น
73% ทุกแผนกมักจะมีพนักงานที่ทำแบบในรูปแบบ Remote Work ในปี 2571 ซึ่งนับจากปีนี้ก็อีกไม่นาน
99% คนเลือกที่จะทำงาน Remote Work ตลอดชีวิต แม้จะเป็นแค่งาน Part-time ก็ตาม
ซึ่งทำให้บริษัทขนาดเล็ก มีแนวโน้มที่ต้องการอยากจ้างพนักงาน Full-time ที่ทำงานแบบ Remote Work หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า
หลากหลายบริษัทติดใจและชื่นชอบในรูปแบบการทำงาน Remote Work เพราะว่า 77% บริษัทได้รับการทำงานที่มีประสิทธิและบรรลุเป้าหมายมากขึ้นเมื่อทำงานแบบ Work From Home
75% เลือกการไม่ทำงานที่ออฟฟิศ เพราะมีสิ่งรบกวนน้อยกว่าในการทำงาน สิ่งแวดล้อมในการทำงานมีผลต่อหลากหลายตำแหน่งหลากหลายอาชีพ
การทำงานแบบ Remote Work อย่างน้อยเดือนละครั้ง ทำให้มีความสุขและยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 24% เลยทีเดียว
สถิติที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ ที่ทำงานแบบ Remote Work
69% ของชาว Millienials ยอมเสียผลประโยชน์บางอย่าง เพื่อยอมแลกกับความยืดหยุ่นในการทำงาน ซึ่งเราเห็นได้ชัดในกลุ่มหางาน ว่ามีคนต้องการทำงานที่บ้านมากขึ้นหลายเท่าตัว
74% พนักงานที่ได้ทำงาน Remote Work มีอัตราการลาออกน้อยลงมาก
64% ผู้จัดหางานหรือ HR เชื่อว่า การทำงานแบบ WFH หรือ Remote Work จะช่วยให้ดึงคนเก่งเข้ามาทำงานกับบริษัทได้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากคนเก่งๆในยุคปัจจุบันมักถนัดในการทำงานแบบ Remote Work