ดร.แอนโธนี เฟาซี ผอ.สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ เตือน สหรัฐฯ อาจต้องเผชิญหน้ากับมาตรการล็อกดาวน์ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิดโอไมครอน BA.2 ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ดร.แอนโธนี เฟาซี (Dr. Anthony Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ (National Institute of Allergy and Infectious Diseases) เตือนชาวอเมริกันว่า พวกเขาอาจต้องเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเร็ว ๆ นี้ หากโควิดสายพันธุ์ใหม่ทำให้ยอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น
ดร.เฟาซี ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ระบุว่า โควิดโอไมครอน BA.2 อาจเพิ่มอัตราการติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาในเร็ว ๆ นี้ พร้อมแนะนำ ว่า ชาวอเมริกันควร "สามารถที่จะเปลี่ยนแปลง" สลับไปมาระหว่างวิถีชีวิตทั่วไปกับวิถีชีวิตภายใต้มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19
"หากในความเป็นจริง เราเห็นการฟื้นตัวจากโควิด-19 แล้วพลิกกลับเป็นแบบนี้ไป ๆ มา ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องสามารถย้อนไปใช้ชีวิตภายใต้มาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยบรรเทาการแพร่ระบาดใด ๆ ก็ตามที่สอดคล้องกับสถานการณ์" ดร.เฟาซี กล่าว
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
ดร.เฟาซี กล่าวเสริมว่า "เราไม่สามารถพูดได้ว่า 'เสร็จแล้ว เราจะไปต่อ' เราต้องรู้จักยืดหยุ่น เพราะเรากำลังรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่หยุดนิ่ง" โดยสังเกตว่าโควิดโอไมครอน BA.2 นี้จะเป็นอันตรายน้อยกว่าโควิดโอไมครอนธรรมดา (BA.1) "อัตราการเสียชีวิตลดลงโดยรวม เป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจมากที่ผู้ป่วยโควิด-19 กำลังเพิ่มขึ้น แต่ ณ เวลานี้ดูเหมือนอาการจะไม่รุนแรงเลย"
ดร.เฟาซี กล่าวว่า "จะไม่แปลกใจเลยถ้าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ที่เรากำลังเปิดให้กิจการ/บริการต่าง ๆ กลับมา แล้วเราจะเห็นการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโควิด-19 ที่ตอนนี้เราเริ่มเห็นยอดผู้ป่วยโควิดโอไมครอน BA.2 กำลังเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว"
ดูคล้ายว่า ดร.เฟาซี จะไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับภาระทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากมาตรการล็อกดาวน์หรือมาตรการควบคุม/ป้องกันอื่น ๆ
การวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ (Johns Hopkins University) พบว่าการล็อกดาวน์ครั้งแรกในช่วงโควิด-19 ระบาดในฤดูใบไม้ผลิปี 2020 ลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ลง 0.2%
"ในขณะที่การวิเคราะห์เมตาสรุปว่าการล็อกดาวน์มีผลกระทบด้านสาธารณสุขเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย แต่ก็ได้กำหนดต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมจำนวนมหาศาล ซึ่งพวกเขาได้รับการรับรอง ด้วยเหตุนี้ นโยบายล็อกดาวน์จึงไม่มีมูล และควรถูกปฏิเสธในฐานะเครื่องมือนโยบายการแพร่ระบาด" นักวิจัยมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์ เขียน
ผลการศึกษาจากคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยโรคโควิด-19 และกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเมื่อปีที่แล้ว พบว่าเหตุการณ์ความรุนแรงเกี่ยวกับครอบครัวเพิ่มขึ้น 8.1% ในสหรัฐอเมริกาหลังจากออกคำสั่งล็อกดาวน์
นอกจากนี้ยังมีความกังวลทางการแพทย์เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์
วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England Journal of Medicine) ได้ทบทวนผลกระทบทางจิตวิทยาของผู้ที่อยู่ในภาวะล็อกดาวน์ โดยพบว่า "ผลร้ายทางอารมณ์มากมาย รวมถึงความเครียด ความซึมเศร้า ความหงุดหงิด การนอนไม่หลับ ความกลัว ความสับสน ความโกรธ ความคับข้องใจ ความเบื่อหน่ายและความอัปยศที่เกี่ยวข้องกับการกักกัน ซึ่งบางส่วนยังคงมีอยู่หลังการกักกัน การกักกันถูกยกเลิก"
ดร.เฟาซี เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์หลังจากเขาเลื่อนตำแหน่งและขัดแย้งกับแนวทางปฏิบัติหลายประการ รวมถึงการใช้หน้ากากอนามัยและการคุกคามของโควิด-19 ในอเมริกา
ในช่วงวันที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 52,884 รายและผู้เสียชีวิต 1,685 รายตามรายงานของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์