ลดโลกร้อน 3 ร้านอาหารดังเดลิเวอรี่ รับเทรนด์ “แพ็กเกจรักษ์โลก” เติบโต อัตราการผลิตพุ่ง ดันต้นทุนต่อชิ้นปรับลดลงราว 50%
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประชาชนใช้บริการเดลิเวอรี่ กันมากขึ้น ด้วยมาตรการ Work from home มีการขนส่งทั้งอาหาร พัสดุ สินค้า ทำให้ ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลที่ภาครัฐและภาคธุรกิจหันมาสนใจประเด็นบรรจุภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อมหรือ Eco-packaging มากขึ้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ Eco-packaging ก้าวหน้าขึ้นมากและมีต้นทุนที่ถูกลงกว่าเมื่อก่อน ซึ่งพบว่ามี 3 ร้านอาหารเดลิเวอรี่บน LINE MAN ที่ใช้แพ็กเกจรักษ์สิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบกับต้นทุนเท่าไร่นัก วันนี้เราจะพาไดูกันว่าพวกเขาใช้วิธีปรับใช้อย่างไรและเป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบการรายอื่นเพื่อเอาไปเป็นแบบอย่าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
5 ประเด็นสิ่งแวดล้อมที่น่าจับตามองปี 2022 จะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกว่าเดิม?
ฝรั่งเศสสั่งแบนพลาสติกห่อหุ้มผักและผลไม้แล้ว เริ่ม 1 ม.ค. 2022
ร้าน Sizzler
Sizzler ร้านชื่อดังเมนูอาหารสไตล์ตะวันตกมีทั้งสเต๊ก ซีฟู้ด และสลัด ได้ปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว ปัจจุบัน Sizzler ใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกเป็นสัดส่วน 90% ของบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด
คุณกรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (Sizzler) เล่าว่า “Eco-packaging ที่แบรนด์ เลือกใช้มีทั้งบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ (Fiber–Based Packaging) ที่ทำมาจากเส้นใยคุณภาพ มีความคงทนสูง สามารถนำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟได้ ซึ่งเรานำมาใช้เพื่อบรรจุสเต๊ก นอกจากนี้ยังมีกล่องกระดาษคราฟท์สำหรับบรรจุภัณฑ์ Sizzler to go ที่มีคุณสมบัติทนน้ำสลัด และคงสภาพในตู้เย็นได้ 1-2 วัน”
“บรรจุภัณฑ์ที่ดีที่สุดคือบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับจุดประสงค์การใช้งานมากที่สุด การเลือกบรรจุภัณฑ์ต้องคำนึงถึงการ สร้างประสบการณ์ในการสั่งอาหารที่ดีให้กับลูกค้า โดยยึดจากพฤติกรรมของลูกค้าเป็นหลัก เช่น เมนูสเต๊ก เมื่อลูกค้าต้องการสั่งไปทานที่บ้าน บรรจุภัณฑ์ที่เราใช้ต้องมีความแข็งแรงคงทนเพื่อให้สามารถเข้าไมโครเวฟได้” ปัจจุบัน Eco-packaging พัฒนาคุณภาพ ราคาที่ถูกลง รวมถึงรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดย DezpaX สตาร์ทอัพ ผู้ให้บริการ Packaging Solutions ด้านอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรจากเอสซีจี ได้ให้คำแนะนำกับ Sizzler และ ร้านอาหารมือใหม่อีกมากมายเพื่อหาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งานของแต่ละร้าน
“เราไม่จำเป็นต้องดีดนิ้วแล้วเปลี่ยนทุกอย่างในครั้งเดียว เส้นทางบรรจุภัณฑ์ Eco-friendly ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก เราสามารถเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อยจนกระทั่งถึงวันที่ความต้องการใช้พลาสติกน้อยลง และใช้ Eco-packaging มากขึ้น จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกขั้น” คุณกรีฑากรกล่าว
ร้านซาลาเปาไส้ไหล Phoenix Lava
ร้านซาลาเปาไส้ไหล Phoenix Lava ใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกถึง 80% โดยคุณปริญญ์ สุขสมิทธิ์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟีนิกซ์ ลาวา จำกัด เล่าว่า “กระดาษรองซาลาเปามีราคาขึ้นอยู่กับความหนาของกระดาษ ด้วยความที่ซาลาเปาของเราเป็นไส้ลาวา มีความหนักกว่าซาลาเปาไส้อื่นๆ จึงต้องใช้กระดาษที่หนาประมาณ 325-350 แกรม ในขณะที่ซาลาเปาทั่วไป ใช้อยู่ที่ 250-300 แกรม”
บรรจุภัณฑ์ของ Phoenix Lava ที่พัฒนาร่วมกับ DezpaX ให้ความสำคัญกับการคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย “กล่องบรรจุภัณฑ์ซาลาเปาต้องเก็บความร้อนไว้ได้นานที่สุด รวมถึงต้องมีคุณสมบัติลดการเกิดไอน้ำภายในกล่อง เราจึงใช้วิธีการเคลือบด้วยวัสดุแบบฟู้ดเกรด ส่วนเมนูทอดที่ต้องใช้กล่องที่มีคุณสมบัติระบายความร้อน สามารถใช้บรรจุภัณฑ์ แบบ Eco-packaging ที่หาซื้อได้ทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องหนา เพราะอาจทำให้แป้งเกิดการออกซิเดชัน ส่งผลให้ของทอดไม่แข็งตัวได้”
“ปัจจุบันนี้ Eco-packaging เข้าถึงได้ง่าย ด้วยราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ทำให้เราเห็นหลายร้านหันมาใช้กันมากขึ้น ในอนาคต เรื่องของกฎหมายการบังคับใช้พลาสติกคงจะเกิดขึ้นและเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการร้านอื่นๆ อาจเริ่มต้น จากการทดลองเปลี่ยนสินค้าเพียง 1-2 ชิ้น จากสินค้าทั้งหมดให้เป็น Eco-packaging ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” คุณปริญญ์ กล่าว
ร้านเผ็ดมาร์ค
ร้านอาหารเมนูยอดฮิตอย่างกะเพราจากร้านเผ็ดมาร์ค มียอดขายหลักมาจากการเดลิเวอรีกว่า 80% คุณแทน กิตติเดช วิมลรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ร้านเผ็ดมาร์ค ด้วยแพชชั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม เลือกใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับเดลิเวอรีที่ช่วยลดขยะ หรือสร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
“เผ็ดมาร์ค ใช้เวลากว่า 1 ปี ในการวางแผน ปรับสูตร รวมไปถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ร่วมกับ DezpaX เพื่อพัฒนาดีไซน์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ Eco-packaging มีต้นทุนที่สูงกว่าพลาสติกในระดับหนึ่ง เผ็ดมาร์คยินดีลดกำไรลง 2-3 บาท ต่อออร์เดอร์ เลือกใช้ Eco-packaging สำหรับส่งเดลิเวอรีทาง LINE MAN และช่องทางอื่นๆ”
“การเริ่มต้นที่ดี คือ การเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนเท่าที่สามารถทำได้ โดยไม่รบกวนต้นทุนของธุรกิจจนเกินไป เพราะการ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ เรียกว่าเป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมที่ง่ายที่สุด ทำได้ง่ายกว่าการเก็บขยะจากท้องทะเล” คุณแทนสรุป
DezpaX “Food Packaging Solutions partner” เพื่อนคู่คิดร้านอาหารในการสร้างสรรค์ทุกความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์
ปัจจุบันมีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้อย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์มีการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์วงการฟู้ดเดลิเวอรีมากขึ้น การผลิตที่มากขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง นำมาสู่ราคาสินค้าต่ำลงมากถึง 50% ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับร้านอาหารได้ดียิ่งขึ้น
คุณปฐมพงศ์ ดีปัญญา CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง DezpaX.com เปิดเผยว่า “จากปี 2564 มีแนวโน้มผู้สั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ จากกระดาษและเยื่อธรรมชาติจาก DezpaX เพิ่มมากขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในตลาดใช้บรรจุภัณฑ์โฟมลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นพัฒนาการที่ดีมากสำหรับร้านอาหารในประเทศไทย“
“จากเทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรมการออกแบบ ทำให้บรรจุภัณฑ์จากเยื่อธรรมชาติ 100% มีความแข็งแรงเพียงพอ สามารถเรียงซ้อนเมื่อขนส่งเดลิเวอรีและสามารถย่อยสลายในบ่อขยะฝังกลบภายใน 90 วัน อีกทั้งปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ จากพลาสติกที่สามารถ reuse หรือ recycle ได้ เช่น พลาสติกแบบ PET ที่ใช้ผลิตแก้วน้ำ และ ขวดน้ำ, พลาสติกแบบ LDPE ที่ใช้ผลิตถุงพลาสติกชั้นเดียวหรือฉลากขวดน้ำ หรือพลาสติกแบบ PP ที่ใช้ผลิตกล่องอาหารที่สามารถนำเข้า ไมโครเวฟได้ เป็นต้น ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับร้านอาหาร และในอนาคตอันใกล้ จากนโยบายของภาครัฐ และการ ตื่นตัวของผู้บริโภค จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดย DezpaX พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์กับทุกร้าน เหมือนดังเช่น เผ็ดมาร์ค, Sizzler, Phoenix Lava และร้านอื่นๆ ในการสร้าง ไอเดียและพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน ราคา และเอกลักษณ์ของร้านอาหาร” คุณปฐมพงศ์ กล่าว
การที่ผู้ประกอบการร้านอาหารเริ่มตื่นตัวหันมาใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกในทุกวันนี้ ถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ดี ทำให้ราคาของ Eco-packaging เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยภายใน 5 ปีที่ผ่านมามีต้นทุนที่ลดลงประมาณ 50% เพราะมีอัตรา การผลิตที่เพิ่มมากขึ้น เช่น กล่องเยื่อชานอ้อยจากเดิมราคาประมาณ 3 บาท ปัจจุบันราคาลดลงเหลือ 2 บาท รวมถึงมี วัสดุใหม่ๆ เข้ามาทดแทนเพื่อลดต้นทุน เช่น แก้วกาแฟ 16oz ที่มีต้นกำเนิดจากพืชต่างๆ จากเดิมที่ราคาประมาณ 3.2 บาท ปัจจุบันมีทางเลือกใหม่ในการใช้แก้วกาแฟ BIOMAT 16oz ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน ในราคา ต้นทุนประมาณ 2 บาท เป็นต้น โดย LINE MAN ในฐานะผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรียังมุ่งมั่นสนับสนุนร้านค้าในการใช้ บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกต่อไปในอนาคต