FedEx ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ขออนุญาต สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) เพิ่มระบบต่อต้านขีปนาวุธให้เครื่องบินขนส่งสินค้า
สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (Federal Aviation Administration: FAA) ระบุว่า เฟดเอ็กซ์ (FedEx) บริษัทผู้ประกอบการโลจิสติกส์ระดับโลก ขออนุญาตเพิ่มระบบป้องกันขีปนาวุธ "พลังงานเลเซอร์อินฟราเรดล่อขีปนาวุธที่เข้ามาใกล้ เพื่อป้องกันขีปนาวุธชนิดติดตามด้วยความร้อน"
มีเหตุผลสำหรับความกังวลของ FedEx เนื่องจากในปี 2003 มีขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศได้ชนเข้ากับปีกซ้ายของเครื่องบินขนส่งแอร์บัส A330 ของ DHL หลังเพิ่งบินขึ้นจากกรุงแบกแดด แม้ในเหตุการณ์ดังกล่าวลูกเรือสามารถกลับไปยังสนามบินโดยปลอดภัยก็ตามที
"ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายเหตุการณ์ในต่างประเทศ เครื่องบินพลเรือนถูกยิงโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพกพา (MANPADS) สิ่งนี้ทำให้หลายบริษัทออกแบบและปรับระบบ เช่น ระบบป้องกันขีปนาวุธแบบใช้เลเซอร์สำหรับการติดตั้งบนเครื่องบินพลเรือน เพื่อปกป้องเครื่องบินเหล่านั้นจากขีปนาวุธค้นหาความร้อน" เอกสารของ FAA ระบุ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :
ขณะนี้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 45 วันก่อนที่จะอนุมัติ "ระบบที่ปล่อยพลังงานเลเซอร์อินฟราเรดออกนอกเครื่องบินเพื่อเป็นการตอบโต้กับขีปนาวุธติดตามความร้อน" บนเครื่องบินแอร์บัส A321-200
เอกสารของ FAA ระบุว่า FedEx เริ่มกระบวนการอนุมัติจากรัฐบาลในการปรับเปลี่ยนเครื่องบินรุ่น A321-200 ในปี 2019 แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องบินดังกล่าวก็ตาม
FAA กำหนดว่าการอนุมัติใด ๆ จะต้องรวมถึง "วิธีการป้องกันการเปิดใช้งานระบบโดยไม่ได้ตั้งใจบนพื้นดิน รวมถึงระหว่างการบำรุงรักษาเครื่องบินและการจัดการภาคพื้นดิน" เนื่องจากอุบัติเหตุเลเซอร์ "อาจส่งผลให้ดวงตาและผิวหนังเสียหายได้"
ขอบคุณรูปภาพจาก : Photo by Brett Sayles from Pexels