ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่าไวรัสโคโรนา 2019 จะจบเกมกลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว เนื่องจากโอไมครอนจะเข้ามาแทนที่เดลตาเกือบหมดแล้ว ขณะที่ผู้ติดเชื้อในต่างประเทศเริ่มลดลง และมีผู้เสียชีวิตไม่มาก
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า เริ่มได้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์กันแล้ว สำหรับไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งการตรวจสายพันธุ์ไวรัสโคโรนา 2019 จาก รพ.รัฐ และเอกชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 3-16 ม.ค.2565 พบโอไมครอน 97.1% (69/71) เดลตา 2.8% (2/71) และตัวอย่างสุ่มตรวจจากเรือนจำ เดลตา 100% (30/30)
หมายถึงในกรุงเทพฯ หากไม่นับในเรือนจำ "โอไมครอน" น่าจะเข้ามาแทนที่ "เดลตา" เกือบหมดแล้ว "Twindemic" หรือการติดเชื้อสองสายพันธุ์ ระหว่าง "โอไมครอน" และ "เดลตา" ไปพร้อมกันในระยะเวลาสั้นๆ ได้จบลงแล้ว
ไม่นาน "โอไมครอน" คงจะกระจายไปทั่วประเทศ ไม่ช้าคงเป็นตามที่ ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญ ในคณะทำงานเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เตือนว่า "ในที่สุดแทบทุกคนจะติดเชื้อไวรัสโอมิครอน” จากนั้นทั้งภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจะพุ่งขึ้นสูง ลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็ว เห็นปรากฏการนี้ได้อย่างชัดเจน จากข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโอไมครอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ศูนย์จีโนมฯ คาด "เดลตาครอน" ไม่ใช่สายพันธุ์ลูกผสม อาจมาจากเชื้อที่ปนเปื้อน
• ศูนย์จีโนมการแพทย์ เผย "โอไมครอน" เป็นไวรัสติดต่อง่ายอันดับ 2 รองจาก "หัด"
• ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาฯ เผย โอไมครอน จาก วายร้าย อาจกลายเป็น "พระเอก"
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแอฟริกาใต้ ลดลงจนเข้าสู่สภาวะปรกติ ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก มีประชากรติดเชื้อไวรัสจากธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษ เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก อังกฤษใช้วัคซีนไวรัสเป็นพาหะ และเข็มกระตุ้นเป็นวัคซีนสารพันธุกรรม (mRNA)
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ใกล้ถึงจุดสูงสุดใน 1-2 อาทิตย์ข้างหน้า ในขณะที่ผู้เสียชีวิตไม่มาก อเมริกาใช้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนนำสองเข็มแรก และใช้เป็นเข็มกระตุ้นด้วย
ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย รวมทั้งอิหร่าน ที่มีการติดเชื้อจากธรรมชาติในอัตราสูงนำมาก่อน ก่อนจะมารับวัคซีนเชื้อตาย และสลับมารับวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ และ/หรือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้น พบว่าได้ผลดีมาก มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากโอมิครอนและผู้เสียชีวิตต่ำ
ประเทศไทยมีการติดเชื้อจากธรรมชาติไม่มาก ได้รับวัคซีนเชื้อตาย และสลับมารับวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ และ/หรือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้น ได้ผลดีเช่นกัน
แม้จะเห็นผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากโอไมครอน แต่ผู้เสียชีวิตลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไวรัสโคโรนา 2019 คงจะจบเกม (End game) กลายเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) เหมือนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมาตามฤดูกาล โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณร้อยละ 0.1