svasdssvasds

หมอยง ชี้เด็กเป็นตัวแพร่เชื้ออย่างดี แนะฉีดวัคซีนป้องกันติดเชื้อดีกว่าลดความรุนแรง

หมอยง ชี้เด็กเป็นตัวแพร่เชื้ออย่างดี แนะฉีดวัคซีนป้องกันติดเชื้อดีกว่าลดความรุนแรง

“หมอยง” ชี้ เด็กจะเป็นตัวกลางแพร่เชื้ออย่างดี แนะวัคซีนที่ใช้ในเด็กความปลอดภัยต้องมาก่อน และจะต้องมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อมากกว่า ลดความรุนแรงของโรค เพราะถ้าให้วัคซีนแล้วเด็กยังติดเชื้อโดยไม่มีอาการ จะไม่เกิดประโยชน์ในการลดการแพร่กระจายโรค

 หลังจากที่วานนี้ “หมอยง” เผยว่าจำนวนผู้ที่ติดเชื้อ “โอไมครอน” ต่ำกว่าความเป็นจริงในทุกประเทศ เพราะตรวจโดยไม่ได้แยกสายพันธุ์ ย้ำ“โอไมครอน” เข้ามาแทนที่ “เดลตา” แล้ว คาดเกินร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว

 ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ประเด็น โควิด-19 เด็กจะเป็นผู้กระจายเชื้อได้มาก โดยระบุว่า 

 เด็กติดเชื้อโควิด-19 อาการจะน้อยมาก หรือไม่มีอาการเป็นส่วนใหญ่ อันตรายถึงชีวิตยิ่งน้อยมากๆ

การศึกษาในอเมริกา ในช่วงที่มีการระบาดสูงมากของโอมิครอน เด็กเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นก็จริง เพราะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และเด็กจำนวนหนึ่งที่เข้ารับการรักษาด้วยสาเหตุอื่น แต่ตรวจพบโควิด-19 ก็มีมากขึ้น

ปัญหาสำคัญของการติดเชื้อในเด็ก ที่มีอาการน้อย แต่เด็กจะเป็นผู้กระจายเชื้อหรือแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ดีมาก

เด็กป่วย ไม่สามารถแยกตัวเองออกไปได้ พ่อแม่ผู้ปกครองจะคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ติดโรค

 ผมมีคนไข้เด็กที่ติดจากสถานเลี้ยงเด็ก เมื่อตรวจพบ แม่ยอมติดเชื้อโควิด-19 ด้วย เพราะต้องดูแลรักษาลูก รวมทั้งบุคคลในบ้าน เมื่อเด็กคนหนึ่งเป็น พี่น้องที่วิ่งเล่นด้วยกัน ก็จะติดกันอย่างแน่นอน

ในอดีตที่ผ่านมา เชื้อส่วนใหญ่อยู่ในผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่สามารถแยกตัวออกมาได้ ป้องกันไม่ให้ติดเด็ก

แต่เมื่อมีการระบาดอย่างมากโดยเฉพาะ โอไมครอน การติดเชื้อจะลงมาสู่เด็กอย่างแน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• "หมอยง" ชี้ "โอไมครอน" แทนที่เดลตาแล้ว ยอดติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริงมาก

• หมอยง ชี้ตั้งแต่นี้ยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งสูงแน่ แนะเร่งกระตุ้นวัคซีนเข็ม 3

• หมอยง เผยข้อมูล 5 เหตุผลที่ทำให้อาการของ โอไมครอน รุนแรงน้อยลง

เด็ก ภาระความรุนแรงโรคน้อยมาก แต่จะเป็นผู้กระจายโรค ไปสู่คนในบ้าน

เด็กเล็กจะกระจายไปสู่ผู้ดูแล ด้วยการสัมผัสใกล้ชิด กอดจูบ เล่นด้วยกันระหว่างเด็ก

เด็กจำเป็นต้องไปโรงเรียน ในอนาคตเราคงหนีไม่พ้น การติดในโรงเรียน ที่เหมือนแบบโรคหวัดทั่วไปโดยเฉพาะในเด็กเล็ก

เด็กโตหรือวัยรุ่น จะมีสภาพสังคม และการเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการระบาดในวงกว้างได้มากกว่าเด็กเล็ก

ถึงแม้ว่าความรุนแรงของโรคในเด็กจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ ความสำคัญในการแพร่กระจายโรคมีมากกว่า

วัคซีนที่ใช้ในเด็ก ที่ต้องการจะต้องมีความปลอดภัย ต้องมาก่อน และจะต้องมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อมากกว่า ลดความรุนแรงของโรค เพราะถ้าให้วัคซีนแล้วเด็กยังสามารถติดเชื้อ โดยไม่มีอาการ จะไม่เกิดประโยชน์ในการลดการแพร่กระจายโรคได้

 ช่วงเวลาที่ผ่านมา เด็กมีปัญหาเรื่องการเรียนที่ต้องเรียนทางไกล ทำให้ประสิทธิภาพการศึกษาของเด็กลดลงอย่างมาก ผ่านมา 2 ปีแล้ว ในอนาคตเด็กต้องไปโรงเรียนอย่างแน่นอน โรคโควิด-19 โอไมครอน มีแนวโน้มความรุนแรงโรคลดลง ก็น่าจะเป็น coronavirus อีกตัวหนึ่งจากที่เคยมีอยู่แล้ว 4 ตัว ที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ผู้ใหญ่ทุกคนจะต้องมีภูมิต้านทาน ไม่ว่าจะเป็นการได้รับวัคซีนหรือการติดเชื้อ และชีวิตของเด็กก็จะต้องกลับเข้าสู่สภาพเดิมโดยเฉพาะชีวิตในโรงเรียน

 

related