เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดคาราวานบุญ นำทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และดีลเลอร์ ในจ.ภูเก็ต พร้อมด้วยสื่อมวลชน ลงพื้นที่ จ.พังงา เพื่อเยี่ยมน้องๆนักเรียน โรงเรียนเยาววิทย์ มอบทุนการศึกษา 5 แสนบาท
16 ปี ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ร่วมอุปถัมภ์โรงเรียนเยาววิทย์ อ.กะปง จ.พังงา แม้จะผ่านประธานมาหลายยุค แต่นโยบายสนับสนุนการศึกษา เปิดโอกาสให้เด็กไทย ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ที่ผ่านมา ผมลงไปเยี่ยมเยือนโรงเรียนเยาววิทย์ หลายครั้ง เดิมเป็นโรงเรียนแบบประชานุเคราะห์ มีมูลนิธิและภาคเอกชนสนับสนุนเงินในการบริหารจัดการ 100% ครับ ในส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ เริ่มต้นมาจากมีผู้บริหารของตนเอง มาเสียชีวิตจากเหตุการสึนามิในปี 2547 และโรงเรียนเยาววิทย์ ก่อตั้งขึ้นโดยมูลนิธิ Children's World Academy เมื่อปี 2548 หวังช่วยเหลือเด็กๆ ที่พ่อ-แม่ เสียชีวิตจากภัยคลื่นยักษ์
เมื่อค่ายรถยนต์จากเยอรมนีรับทราบว่ามีโครงการนี้เกิดขึ้น ก็ไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมในสายบุญนี้ ซึ่งโรงเรียนเยาววิทย์ ตอนแรกเริ่มเป็นโรงเรียนประจำ สอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เน้นให้เด็กมีทักษะด้านวิชาชีพ พูดภาษาอังกฤษได้ เรียนรู้เรื่องการโรงแรม การทำอาหาร เกษตรกรรม และมีครูอาสาสมัครจากต่างประเทศสลับมาให้ความรู้ และสอนภาษา
จากเด็กที่สูญเสียครอบครัวจากสึนามิ สู่การเปิดรับเด็กด้อยโอกาสในจังหวัดพังงา ปัจจุบันถูกผลักดันให้เข้าสู่ระบบของกระทรวงศึกษาธิการ ใช้งบของรัฐบาลและเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารใหม่
จากโรงเรียนที่มีเอกชนอุปถัมภ์ สู่โรงเรียนรัฐบาลเต็มตัว แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังพร้อมสนับสนุนเหมือนเดิม โดยปีนี้ ยกทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ของบริษัทและดีลเลอร์ในจ.ภูเก็ต และสื่อมวลชน ลงไปเยี่ยมน้องๆ เยาววิทย์ พร้อมมอบทุนการศึกษา 5 แสนบาท
นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ด้วยการเชิญโค้ชฟันดาบทีมชาติไทย “วีระเดช คอทนี” หรือโค้ชวิลลี่ มาโชว์การฟันดาบสากล พร้อมบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเอง ที่ต้องระหกระเหินไปอยู่เยอรมันกับแม่และพ่อเลี้ยง ผ่านอุปสรรคต่างๆ และสู้ชีวิตจนประสบความเร็จจนถึงทุกวันนี้
การลงไปพังงารอบนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังจัดแจงสิ่งของที่จำเป็น รวมถึงให้งบประมาณเพื่อซื้อเสาไฟฟ้าที่ได้พลังงานมาจากแผงโซลาร์เซลล์อีก 43 ต้น (สอดคล้องกับนโยบายมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิต EV ในปี 2030) เพื่อสร้างแสงสว่างให้แก่โรงเรียน
ในส่วนสื่อมวลชน จัดทัพขับรถลงไปจากกรุงเทพ ระยะทางประมาณ 800 กม. ด้วยรถยนต์หลายรุ่น ทั้ง GLC,GLE, GLS, E-Class และ S-Class ซึ่งรถที่เหมาะสมกับการเดินทางไกลทั้งสิ้น
สำหรับผมมีโอกาสได้ลอง Mercedes Benz GLE 350 de 4MATIC เอสยูวีปลั๊ก-อินไฮบริด ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถ้าชาร์จไฟมาเต็มๆ วิ่งในโหมด EV ได้ถึง 100 กม
รถขับดีครับ พลังแรงเหลือเฟือ ช่วงล่างนุ่มหนึบ ขับทางไกลต่อเนื่อง 3-4 ชั่วโมงยังสบายเนื้อสบายตัว หรือระหว่างขับบนท้องถนนก็ไม่เครียด ด้วยตัวรถสูง ทัศนวิสัยแจ่มชัด มองได้ไกล แถมอัตราเร่งมาทันใจ จังหวะเร่งแซงไม่ต้องลุ้น การควบคุมได้แม่นยำ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC
Mercedes Benz GLE 350 de เป็นรถครอบครัว 5 ที่นั่ง ในตำแหน่งผู้โดยสารแถวสองสะดวกสบาย ทั้งยังมีความอเนกประสงค์พอสมควร และด้วยชุดแพกแบตเตอรี่ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง หากขับในเมือง ใช้ในชีวิตประจำวัน วิ่งระยะทาง 50-60 กม.ก็ไม่ต้องเพิ่งพาเครื่องยนต์หรือใช้น้ำมันเลย (ความเร็วสูงสุดในโหมด EV 160 กม./ชม.)
จบทริปเดินทางไปกลับกรุงเทพ-พังงา ระยะทางเกิน 1,700 กม. ด้วยความราบรื่นทั้งคณะ พร้อมอิ่มใจที่ได้ร่วมสายบุญของเมอร์เซเดส เบนซ์
...แล้วปีหน้า 2565 เจอกันใหม่นะน้องๆ เยาววิทย์ เดี๋ยวพี่จะขับ EQS ไปหา
เรื่อง : กรกิต กสิคุณ
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ