กรมชลประทาน คาดการณ์เจ้าพระยาระดับนํ้าลดลงระดับตลิ่งช่วง 23-25 พฤศจิกายนนี้ ยํ้าระบายนํ้าบางส่วน เน้นเก็บกักไว้ปลูกพืชฤดูแล้ง และพร้อมเตรียมรับมือนํ้าหลากภาคใต้
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน แถลงภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์นํ้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ปัจจุบัน (8 พ.ย. 64) อ่างเก็บนํ้าขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณนํ้ารวมกันทั้งสิ้น 59,138 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นนํ้าใช้การได้ 35,209 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับนํ้าได้รวมกันอีกประมาณ 17,468 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มนํ้าเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณนํ้ารวมกันประมาณ 14,710 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ เป็นนํ้าใช้การได้ 8,014 ล้าน ลบ.ม.
ด้านสถานการณ์นํ้าในลุ่มนํ้าเจ้าพระยา ปัจจุบัน (8 พ.ย. 64) ที่สถานีวัดนํ้า C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณนํ้าไหลผ่าน 2,085 ลบ.ม./วินาที ก่อนไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาที่มีปริมาณนํ้าไหลผ่าน 2,036 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มระดับนํ้าลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่า ช่วงวันที่ 7-9 พฤศจิกายนนี้ ระดับนํ้าท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจะลดลงเหลือประมาณ 2,000 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับนํ้าที่ท่วมขังบริเวณพื้นที่ริมตลิ่งทยอยลดลง และคาดการณ์ว่าระดับในทุ่งลุ่มตํ่าจะกลับเข้าสู่ตลิ่งประมาณวันที่ 23-25 พฤศจิกายนนี้ ส่วนนํ้าที่ยังค้างในทุ่งต่างๆ จะใช้เครื่องสูบนํ้าระบายนํ้าออกบางส่วน และเก็บกักไว้ให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำใช้สำหรับเพาะปลูกพืชฤดูแล้งต่อไป
กรมชลประทาน จะเร่งระบายนํ้าที่ท่วมขังตามศักยภาพของลำนํ้าในแต่ละพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามข้อสั่งการของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูนํ้าฝน ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์นํ้าท่าอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการตามมาตรการรับมือนํ้าหลากที่กรมกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยบริหารจัดการนํ้าให้อยู่ในเกณฑ์ พิจารณาปรับการระบายนํ้าให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายนํ้าให้น้อยที่สุด โดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร เครื่องมือ ให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที และร่วมบูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์นํ้าอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ติดตามสถานการณ์นํ้าอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร 1460 สายด่วนกรมชลประทานได้ตลอดเวลา