ถึงกลับต้องถามว่าเอามาจากไหน เมื่อคลินิกดังสระแก้ว รับฉีดวัคซีนโควิด ยี่ห้อ จอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน เข็มละ 2,800 บาท ชาวเน็ตแซวนี่วัคซีนหรือเบบี้ออยล์ ด้าน สธ. ชี้ หมอฉีดวัคซีนโดยที่ไม่รู้ที่มาไม่ได้ แพทย์สภาจ่อชี้แจง
กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตต่างสนใจและแชร์ต่อเพื่อหาความจริงเป็นจำนวนมาก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เผยเรื่องราวของคลินิกดังสระแก้ว ฉีดวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ให้กับประชาชน ทั้งที่ยังไม่มีรายงานว่าประเทศไทยได้มีการนำเข้าวัคซีนชนิดดังกล่าว ไม่มีชนิดที่ว่าโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองก็ยังไม่มีวัคซีนยี่ห้อนี้!
ล่าสุด หมอแล็บแพนด้า ก็ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับประเด็นนี้เช่นกัน โดยได้ระบุว่า “คลินิกนี้เอาวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมาจากไหนครับเนี่ย ฉีดให้ประชาชนเข็มละ 2,800 บาท”
โดยหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีช่าวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ เขาเอาเบบี้ออยล์มาฉีดให้หรือป่าวครับ ใช้ทั้งข้างนอกและข้างในผิวจะได้เนียนดีครับ 555, ถุงมือก็ไม่ใส่นะ สะอาดแบบมั่นๆ เหลือเกิน ดูก็รู้ละวัคซีนแท้แน่ๆ เลย, มีจริงๆ ค่ะ คลินิกที่อรัญ มีคนรับหิ้วมาจากเพื่อนบ้าน ให้คลินิกฉีด แรกๆเข็มละ 5000 ตอนนี้ไม่รู้กี่บาทค่ะ เขาออกใบรับรองให้ด้วยค่ะ, สระแก้วด้วย จอห์นสันนำเข้าจากปอยเปตรึเปล่า, เขาแถมมากับแป้ง หรือเปล่าครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานมีผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว โดยมีค่าใช้จ่าย 2,800 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการนำเข้ามาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ ว่า โดยหลักการวัคซีน ต้องเป็นวัคซีนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องไปดูว่าวัคซีนที่หิ้วมานั้นคืออะไร ถ้าไม่ได้ผ่านกระบวนการเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากกระบวนการรับรองวัคซีนที่จะใช้นั้นจะมีเรื่องของความปลอดภัยด้วย เรื่องนี้ขอตรวจสอบไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เนื่องจากการทำงานของ สบส. ทำงานร่วมกับทางจังหวัดและมอบอำนาจให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เป็นผู้อนุญาต และตรวจสอบ
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า วัคซีนที่จะฉีดได้ 1.ต้องเป็นวัคซีนที่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 2.วัคซีนต้องมีกลไกในการบริหารจัดการ โดยสถานพยาบาลเป็นเจ้าของวัคซีนนั้น เพราะจะมีเรื่องความลอดภัยในการจัดเก็บวัคซีน ต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ใช่ว่าจะเอาอะไรมาฉีดให้คนไข้ หมอต้องตรวจสอบคุณภาพวัคซีนว่าถูกต้องตามกฎหมายของไทยหรือไม่ นำเข้าถูกต้องหรือไม่ ใครเป็นคนนำเข้า เพราะการฉีดวัคซีนจะส่งผลต่อการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ต้องระบุให้ชัดว่าเป็นวัคซีนยี่ห้ออะไร ล็อตนัมเบอร์อะไร และจะนำมาสู่การออกวัคซีนพาสปอร์ตในอนาคตด้วย
ทพ.อาคม กล่าวว่า ต่อให้ไม่ใช่วัคซีนป้องกันโควิด -19 แต่ยาหรือวัคซีนใดๆ ก็ตาม ตามหลักแล้วคนไข้มาที่คลินิก ทางคลินิกจะต้องใช้ยาหรือวัคซีนของคลินิกเองในการให้บริการคนไข้ หากคลินิกไม่มีกำลังเพียงพอจะมี 2 ส่วนที่ทำได้คือ 1.ประสานส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพกว่า และ 2.ประสานสถานพยาบาลอื่นๆ เพื่อขอยืมยา หรืออะไรก็ตามเพื่อมาให้บริการผู้ป่วย นี่คือหลักที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปเอาอะไรก็ไม่รู้มาฉีดให้ ยิ่งคนไข้หิ้วมาเองก็ไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า วัคซีนจอห์นสันฯ มีการขึ้นทะเบียนในไทยจริง แต่ยังไม่มีเจ้าภาพในการนำเข้ามาฉีด ดังนั้น หลายฝ่ายมีความกังวลว่าจะเกิดการหิ้ว หรือค้าวัคซีนเถื่อน ทพ.อาคม กล่าวว่า การนำเข้าวัคซีนปกติต้องผ่าน อย. และคนนำเข้าควรเป็นสถานพยาบาล ต้องมีการจัดเก็บที่เหมาะสม เพื่อส่งต่อสถานพยาบาลที่เป็นลูกข่ายเพื่อฉีดต่อ เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบก่อน แต่คิดว่าคงไม่มีใครหิ้ววัคซีนข้ามชาติ เหมือนในอดีตที่มีคดีหิ้วอสุจิข้ามชาติเพื่อทำการอุ้มบุญผิดกฎหมาย แต่จะเป็นประเด็นเรื่องการเก็บไม่เหมาะสม ทำให้วัคซีนที่ฉีดไม่มีประโยชน์ เผลอๆ อาจจะมีปัญหาความแทรกซ้อน อีกเราห่วงความปลอดภัยเขามากกว่า
ด้าน พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ตามข้อบังคับจริยธรรมวิชาชีพ ปี 2549 มีหลายมาตราที่กล่าวไว้ในเรื่องนี้ โดยมาตรา 22 ระบุว่า แพทย์จะต้องไม่ประกอบวิชาชีพโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย ดังนั้น การให้ยาใดๆ จำเป็นต้องรู้ชนิด ขนาดของยา และความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยตามมาตรานี้ 2.ส่วนกรณีแพทย์ฉีดวัคซีนในกรณีที่ผู้ป่วยนำยาหรือวัคซีนมาเองก็สามารถทำได้ แต่ทำได้ในกรณีที่มีใบสั่งฉีดยา หรือมีประวัติ หรือมีข้อมูลจาก รพ. เช่น รพ.จังหวัดให้ยากับผู้ป่วยไปฉีดที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือคลินิก ในยาบางรายการที่ใช้รักษา แต่ต้องมีผลการวินิจฉัย และรายละเอียดที่ติดต่อได้ของแพทย์ หรือใบรับรองแพทย์มาประกอบด้วย
“ส่วนในกรณีที่ จ.สระแก้ว เนื่องจากวัคซีนชนิดที่ไม่มีในประเทศไทยนั้น นับว่ายังไม่ได้มีการรรับรองการใช้ที่ปลอดภัยในประเทศ ดังนั้นโดยทั่วไป ถ้าไม่ได้มีหลักฐานเอกสาร ปกติ แพทย์ไม่ควรจะตัดสินใจฉีดให้โดยไม่ทราบที่มาที่ไป แต่ในกรณีดังกล่าวต้องตรวจสอบยก่อนว่ามีเอกสาร หลักฐานอะไรกำกับหรือไม่ หรือเป็นเอกสารมาจากประเทศที่มีวัคซีนนี้ใช้อยู่หรือไม่ ในรายนี้ตอบไม่ได้จริงๆ ต้องสอบสวนที่มาที่ไปก่อน มีเอกสาร หลักฐานการฉีดมาจากต่างประเทศ และมีใบรับรองฉีดเป็นเข็มที่ 2 หรือไม่ อย่างไร หรืออื่นๆ หรือไม่ ที่สำคัญคือวัคซีนต้องมีกระบวนการจัดเก็บที่ถูกต้อง เพราะมีผลต่อคุณภาพของวัคซีน แล้วเป็นวัคซีนชนิดที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ ถ้าจริงแล้วมีความปลอดภัยเพียงใดในการฉีด
ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น หรือมีมีผู้ร้องเรียนแพทย์ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะนั้น แพทยสภาจะมีการทำหนังสือถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อขอรายละเอียดเหล่านี้เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ขอเตือนประชาชนว่าการฉีดยา หรือวัควีนใดๆ ให้กับตัวเองนั้นขอให้ดูที่มาที่ไปที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย โดยเฉพาะวัคซีน ต่างๆ นั้นมีความจำเป็นต้องรักษาสภาพ คุณภาพด้วยอุณหภูมิต่างกัน ก็ขอให้ตรวจสอบความปลอดภัย หากมีผู้โฆษณาว่าสามารถนำเข้ามาเพื่อไปฉีดได้ ก็ขออย่าเพิ่งเชื่อ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน ย้ำว่าความปลอดภัยไม่สามารถรับรองข้ามประเทศได้ วัคซีนชนิดหนึ่งที่ได้รับรองความปลอดภัยในประเทศหนึ่ง แต่อาจจะไม่ได้รับการรับรองในประเทศหนึ่ง หากมีปัญหาเกิดขึ้น ท่านต้องรับผิดชอบตัวเอง”เลขาธิการแพทยสภา กล่าว
ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า วัคซีนที่นำเข้าโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตนำเข้า ก็ถือเป็นวัคซีนผิดกฎหมายทั้งหมด ถือว่าเป็นการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน แม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับทะเบียนแล้ว แต่ผู้นำเข้าไม่ใช่คนที่ได้รับอนุญาต ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ยกเว้น บางกรณีของหน่วยราชการ เช่น กรมควบคุมโรค สถานทูต เพราะเป็นผู้รับผิดชอบในการใช้ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ จะประสานไปที่ สสจ.สระแก้ว โดยกลุ่มงานคุมครองผู้บริโภค เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจาก เราเป็นห่วงคนที่ไปฉีด ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ เป็นวัคซีนอะไร เพราะต้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ยังไม่พบปัญหาการลักลอบนำเข้าวัคซีนในประเทศ
“อันดับแรกต้องตรวจสอบว่า วัคซีนที่นำเข้ามาใช่วัคซีนจอห์นสันฯ หรือไม่ แต่ผู้ที่ได้รับอนุญานำเข้าตอนนี้ คือ บริษัท แจนเซ่น ซีแลค จำกัด ดังนั้น หากเป็นคนอื่น ๆ บริษัทอื่นนำเข้ามา ถือว่าผิดทั้งนั้น เบื้องต้น การเอาเข้ามาโดยไม่รับได้อนุญาต ถือว่าผิด พ.ร.บ.ยา มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท” นพ.ไพศาล กล่าว