เฟซบุ๊กเตรียมรีแบรนด์ ปรับภาพลักษณ์รองรับการก้าวสู่โลกแห่ง Metaverse หรือ โลกเสมือน เปิดทางย้ายผู้คนขึ้นไปใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
ตื่นเต้นไปทั้งวงการโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อมีข่าวแว่วว่าเฟซบุ๊กจะเปลี่ยนชื่อ รีแบรนด์ ปรับโฉม ตนเองใหม่ โดยรายงานข่าวระบุว่า โครงสร้างใหม่นี้ เฟซบุ๊ก อาจสร้างบริษัทแม่ขึ้นมาใหม่ แล้วดึงเอา เฟซบุ๊กเข้าไปเป็นบริษัทลูกในเครืออีกที การดำเนินการดังกล่าวคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ อันเป็นช่วงเวลาการประชุมประจำปีของเฟซบุ๊ก
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวบ่งบอกอะไร?
หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจริงตามข่าวลือที่ว่า นั่นหมายความว่า เลเวลของเฟซบุ๊ก จะลดลงไปเทียบเท่ากับ อินสตาแกรม หรือ วอทชแอพ ซึ่งปัจจุบันคือ สาขาเครือข่าย ในการให้บริการของเฟซบุ๊ก การเปลี่ยนแปลงลักษณะดังกล่าวนั้น หลายคนมองว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านเพื่อรองรับทิศทางการขับเคลื่อนองค์กรที่จะก้าวเข้าสู่โลกเสมือนนั่นเอง
โลกเสมือนคืออะไร?
เฟซบุ๊กเคยมีแนวคิดในการสร้างโลกเสมือนขึ้นมาก่อนหน้านี้ และได้เริ่มทดลองในการลงทุนไปกับโอคุลัส Oculus ในการเปิดตัวอุปกรณ์ VR ที่โฆษณาว่าการใช้ชีวิตของผู้คนสามารถย้ายตนเองขึ้นมาอยู่ในโลกเสมือนได้ คิดไกลไปกว่าแค่การประชุมผ่านร่างอวตารในโลกเสมือน นี่ยังไม่นับรวมการพัฒนาที่ร่วมมือกับแว่นตายี่ห้อดัง เรย์แบน ให้กำเนิดแว่นอัฉริยะ ที่สามารถรับสาย ถ่ายภาพ หรือฟังเพลงได้
ทั้งหมดที่ว่ามาคือการปูทางสู่โลกแห่ง Metaverse
Metaverse คือการขยายภาพของโลกแห่ง VR ให้มีความกว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมที่จะรองรับการเปลี่ยนผ่าน นำพาผู้คนขึ้นไปใช้ชีวิตบนโลกเสมือนที่กว้างใหญ่ ความคิดดังกล่าว Mark Zuckerberg เองเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า "ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เฟซบุ๊ก จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ต่อไปเมื่อผู้คนมองมาที่ เฟซบุ๊ก “เราจะไม่ใช่แค่บริษัทโซเชียลมีเดีย แต่เราจะเป็นบริษัท Metaverse” นี่อาจเป็นเหตุผลที่เฟซบุ๊กต้องลดเลเวลความเป็นโซเชี่ยลมีเดียของตนเองลงเพื่อรีแบรนด์ตัวเองใหม่ให้ตอบรับความเป็น Metaverse ที่กำลังจะก้าวไปนั่นเอง ประกอบกับข่าวการเปิดรับสมัครงานเพิ่มอีกกว่า 10,000 ตำแหน่ง นั่นก็เพื่อสร้างทีมในการพัฒนา Metaverse และดูแลโครงการ Metaverse อย่างจริงจังนั่นเอง
เทคโนโลยีก้าวไปไวกว่าที่คิด คงต้องติดตามรอชมความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงของมนุษยชาติเลยก็เป็นได้
ภาพจาก Mark Zuckerberg