"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ครบรอบ 10 ปี แถลงนโยบายต่อสภาฯ ลั่น หากไม่มีการรัฐประหาร นโยบายต่างๆที่แถลงคงสำเร็จเป็นรูปธรรมไปนานแล้ว
23 ส.ค.64 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ในโอกาสครบรอบ 10 ปี แถลงนโยบายต่อสภาฯ ระบุว่า ย้อนไปใน วันที่ 23 สิงหาคม เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ดิฉันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่าจะอยากให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน สร้างความมั่นคงทางรายได้ในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก มีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในการลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมไปถึงการเชื่อมโยงเส้นทาง และสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองหลักไปสู่ภูมิภาคอาเซียน เพื่อขยายฐานเศรษฐกิจ และเพิ่มโอกาสทำมาค้าขายให้แก่ประเทศไทยมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยิ่งลักษณ์ โพสต์เศร้าเห็นคนไทยตายบนถนน ถามปล่อยให้ถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ยิ่งลักษณ์ สวน บิ๊กตู่ กล่าวเท็จในสภาใช้หนี้จำนำข้าว ลั่น หัดโทษตัวเองบ้าง
แต่ผ่านไป 10 ปีแล้วหลายอย่างยังย่ำอยู่กับที่ การบริโภคในประเทศยังไม่สามารถเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เรายังคงพึ่งพาการส่งออก และการท่องเที่ยว เมื่อเกิดวิกฤติโรคระบาด รายได้แทบเป็นศูนย์ รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์การเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนต้องกู้หนี้ยืมสิน ส่งผลให้อัตราหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงกว่า 90% ค่าแรงแทบไม่ขยับ เงินเดือนปริญญาตรียังอยู่กับที่ แต่ค่าครองชีพกลับถีบตัวสูงขึ้น ขณะที่สินค้าเกษตรตกต่ำยังเป็นปัญหาเดิมที่เผชิญทุกปี แต่รัฐบาลกลับไร้กลไก และมาตรการในการยกระดับราคาสินค้าเพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่เกษตรกร ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำของไทยยิ่งแย่ลง รวยกระจุก จนกระจาย ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐก็ย่ำแย่ต้องทำงบประมาณขาดดุล ต้องกู้จนเต็มเพดานซึ่งจะกลายเป็นภาระของประชาชน และเป็นภาพที่ไม่ดีนักต่อสายตานักลงทุน
หากไม่มีการรัฐประหารในวันนั้น แผนงานต่าง ๆ ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาคงสำเร็จเป็นรูปธรรมไปนานแล้ว ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่เลวร้ายอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สำหรับบางคนเวลา 7 ปีหลังรัฐประหารภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะผ่านไปเร็ว แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วสถานการณ์ความยากลำบากที่เกิดขึ้น มันเป็นความยาวนาน และทรมานของคนไทยทั้งประเทศค่ะ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราต้องมาหาหนทางเริ่มต้นกันใหม่กับโอกาสที่เสียไป