รพ.วชิระภูเก็ต ผ่าตัดทำคลอดหญิงเมียนมาติดเชื้อโควิด-19 ปลอดภัยทั้งแม่และลูก ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 สำหรับการผ่าคลอดผู้ป่วยโควิดท้อง
วานนี้ (16 ส.ค.64) เพจเฟซบุ๊ก ภาควิชาวิสัญญี โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เผยภาพพร้อมเล่าเรื่องราวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ทำการผ่าคลอดให้แก่หญิงชาวเมียนมา อายุ 30 ปี ซึ่งตั้งอายุครรภ์ 39 สัปดาห์ และติดเชื้อโควิด-19 เป็นทารกเพศชาย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
• รพ.ธนบุรี เปิดลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด "โมเดอร์นา" รอบไตรมาส 1 ปี 2565
• จับตา ศบค.พิจารณาคลายล็อก สวนสาธารณะ สนามกีฬา ร้านตัดผม
• ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดจอง "วัคซีนโควิด" เข็ม 1 สำหรับบุคคลทั่วไป
ซึ่งโรงพยาบาลได้วางแแผนการดูแลรักษาและเตรียมการผ่าตัดคลอด ตั้งแต่กระบวนการดูแลผู้ป่วย การรับผู้ป่วยจากหอผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากอาคารหอผู้ป่วยมายังอาคารห้องผ่าตัดโดยใช้รถพยาบาลและทีมศูนย์นเรนทรอันดามัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จนถึงห้องผ่าตัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด ทันทีที่ทราบทางโรงพยาบาลได้ประสานทีมสหวิชาชีพแพทย์และเตรียมความพร้อมทีมสูตินรีเวชวิทยา ทีมวิสัญญีแพทย์ วิสัญญีพยาบาล และทีมกุมารแพทย์ โดยมี นพ.ปฐม ยะจ่อ กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม พญ.สิตาภา ภาษี กลุ่มงานกุมารเวชกรรม พญ.พยุงภัค สวนยา หัวหน้ากลุ่มงานวิสัญญีวิทยา นพ.กริช หรรษอุดม วิสัญญีแพทย์ ทีมห้องผ่าตัด และทีมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ภายในโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ป่วย ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 แล้ว สำหรับการผ่าคลอดผู้ป่วยโควิดท้อง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
“ การผ่าตัดครั้งนี้วิสัญญีแพทย์ได้ใช้เทคนิคการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังหรือการบล็อกหลัง วิธีนี้ไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ ปลอดภัยทั้งผู้ป่วย ลูก และบุคลากรที่ให้การดูแล ทีมแพทย์สูตินรีเวชกรรม ได้ทำการผ่าคลอดทารกเพศชายในเวลา 12.50 น. แม่และทารกปลอดภัย ซึ่งทีมกุมารแพทย์ได้เข้าไปดูแลเด็กตั้งแต่แรกคลอดและเคลื่อนย้ายมายังหอผู้ป่วยแยกโรคโดยมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งโอกาสที่เด็กติดเชื้อจากในครรภ์มีน้อยมาก
และนี่ไม่ใช่เป็นเพียงครั้งแรกที่ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตทำการผ่าตัดหญิงตั้งครรภ์ป่วยโควิด19 ประสบความสำเร็จและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก นอกจากนี้บุคลากรทางการแพทย์ ภายหลังการผ่าตัด ได้ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณห้องผ่าตัดและจุดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทุกจุด บุคลากรทางการแพทย์ได้วางแผนการทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อบริการประชาชนให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด