กรมควบคุมโรค ย้ำ 3 กลุ่มเสี่ยง รีบ ฉีดวัคซีนโควิดโดยเร็ว หลังยอดตายพุ่ง

วันที่ 14 ส.ค 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การของโรคโควิด 19 ในขณะนี้ยังมีแนวโน้มพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลพบว่าในกลุ่มของผู้ที่เสียชีวิต ประมาณร้อยละ 84 เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มโรคเรื้อรัง เนื่องจากมีระดับภูมิต้านทานต่ำ และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน เมื่อติดเชื้อโควิด19 จะทำให้มีอาการป่วยรุนแรง จึงขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมี 3 กลุ่ม คือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• สธ. แจงฉีดไฟเซอร์บุคลากรส่วนกลาง 430 คน เป็นกลุ่มเสี่ยง

• กทม. ยอดติดเชื้อโควิดพุ่ง 4,140 ราย แนะกลุ่มเสี่ยงสูงเร่งตรวจก่อนอาการหนัก

• สลด! ชายวัย 64 ช็อกดับ ระหว่างรอตรวจคัดกรองโควิด หลังตกเป็นกลุ่มเสี่ยง

1.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2.กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคอ้วนน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไตวาย และ 3.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้รีบเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในเดือนสิงหาคมนี้

ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทั่วประเทศฟรี เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค และโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด จะต้องเร่งเข้ารับบริการฉีดเข็มที่ 1 โดยเร็ว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ กรมควบคุมโรคได้จัดหาวัคซีนไว้ทั้งหมด 10 ล้านโดส ประกอบด้วยวัคซีนชิโนแวค 4 ล้านโดส และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 6 ล้านโดส จัดส่งให้ทั้ง 77 จังหวัดทุกสัปดาห์ เพื่อกระจายให้พื้นที่สามารถฉีดให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง

“วัคซีนป้องโรคโควิด 19 ทุกชนิด จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย หากติดเชื้อจะป้องกันไม่ให้มีอาการหนักและเสียชีวิต หลังฉีดแล้วอาจมีอาการข้างเคียงเกิดได้บ้าง เช่นมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดบวมบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน ประชาชนจึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด ทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคอย่างเพียงพอในสถานการณ์ที่โรคกำลังแพร่ระบาด” นพ.โอภาส กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนทุกคน ทุกพื้นที่ ทั้งที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้ว และกำลังจะไปฉีดวัคซีน ขอให้งดออกนอกบ้านให้มากที่สุด