เดือด ! ประกาศห้ามทาครีมกันแดดบางชนิดเที่ยวทะเล ฝ่าฝืนปรับ 1 แสนบาท

เกิดเป็นประเด็นทันที เมื่อมีประกาศ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกรมอุทธยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงนามโดย นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ เรื่อง ห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เดือดกันไม่หยุด หลังราชกิจจาฯ ให้ "ผ้าอนามัยแบบสอด" ขึ้นเป็นเครื่องสำอาง

• อยู่บ้านก็ต้องทาครีมกันแดด!!! ครีมกันแดดยุคใหม่ต้องคุณสมบัติอะไรบ้าง?

• ครีมกันแดดเจนใหม่ ปกป้องผิวครบทุกมิติ ทั้งแสงแดดแและมลภาวะ

โดยระบุเหตุผลว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในอุทยานแห่งชาติทางทะเลจำนวนมาก รวมทั้งมีการนำและใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการัง จากข้อมูลวิชาการพบว่า สารเคมีหลายชนิดที่พบในครีมกันแดดมีส่วนทำให้ปะการังเสื่อมโทรมลง เพราะสารเคมีทำลายตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์และทำให้ปะการังฟอกขาว

กรมอุทยานฯ พิจารณาแล้วเพื่อเป็นการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อปะการังและระบบนิเวศ ในอุทยาน จึงออกประกาศ ดังนี้

1. ห้ามนำและใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อปะการังเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ได้แก่ Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3), Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate), 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben หากผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

2. ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2564

ทั้งนี้หลังการเผยแพร่ประกาศดังกล่าว ชาวเน็ตแห่แสดงความเห็นเสียงแตกออกเป็นหลายฝ่าย บางรายให้เหตุผลว่า ไม่มีใครมานั่งดูส่วนผสมทุกขวด แถมที่บรรจุภัณฑ์ก็ตัวเล็กมาก ถ้าหากต้องการรณรงค์จริงจัง ควรแจ้งไปยังผู้ผลิตให้เลิกผลิตและจำหน่าย

แต่ก็ยังมีอีกฝ่ายที่มองว่าการบอกใหบริษัทเลิกผลิตเป็นตรรกะที่ป่วยมาก เพราะบางคนก็ไม่ได้ต้องการซื้อครีมกันแดดเพื่อไปเที่ยวทะเลโดยเฉพาะ ในเมื่ออดีตไม่รุ้ไม่เป็นไร ตอนนี้รู้ว่าทำลายธรรมชาติก็เพียงแค่เลิกใช้ และหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน

ส่วนที่หนักสุดก็คือคอมเมนต์ประเภทที่บอกว่า ใครจะรู้ว่าเราทาครีมกันแดดแบบไหน จะไปปรับได้อย่างไร อุทยานจะรู้ได้หรือว่าเราทาอะไรมา แต่ก็มีอีกฝ่ายโต้เถียงว่า จริงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ แต่เรารู้แก่ใจควรจะช่วยกันทำ ไม่ใช่รู้แต่ยังทำลายธรรมชาติ