สุโขทัย -หลานชาย พร้อม 4แม่เฒ่าถูกไล่ที่ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสุโขทัย ขอขยายระยะเวลาพักอาศัยเพิ่มเติม 60 วัน เพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ในการขอซื้อบ้าน-ที่ดินคืน หลังครบเส้นตายวันนี้ต้องย้ายออกจากบ้าน วอนกราบขอซื้อที่ดินคืน
กรณีแม่เฒ่า 4 พี่น้อง คือ นางโปรย อนุเคราะห์ อายุ 94 ปี น.ส.ศรีนวล ทิมแย้ม อายุ 82 ปี น.ส.แฉล้ม ทิมแย้ม อายุ 80 ปี และน.ส.ตะล่อม ทิมแย้ม อายุ 77 ปี ถูกเจ้าหน้าหนี้ไล่ที่ให้ออกไปจากบ้านเลขที่ 4 หมู่ 4 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เล็กจนโต โดยขีดเส้นภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยไม่ทราบชะตาชีวิตว่าจะไปอยู่ที่ไหน ภายหลังหลานชายนำที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้เพื่อไปทำงานไต้หวันและไม่มีเงินใช้คืน
ล่าสุดเวลา 10.00 น.วันที่ 17 มิถุนายน 2564 นายลวง อนุเคราะห์ บุตรชายของนางโปรย อนุเคราะห์ พร้อมด้วยน.ส.ตะล่อม ทิมแย้ม และนายสมศักดิ์ โตจริง หลานชายผู้นำที่นาและบ้านไปจำนอง ได้เดินทางมารับคำร้องที่สำนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย เพื่อนำไปยื่นต่อศาล จ.สุโขทัย ขอความกรุณาพิจารณาคำร้องขอขยายระยะเวลาให้แม่เฒ่าทั้ง 4 คน และครอบครัวได้พักอาศัยอยู่ในบ้านเพิ่มเติมไปอีก 60 วัน เพื่อใช้ห้วงเวลานี้เจรจากับเจ้าหนี้ในการขอซื้อบ้านและที่ดินคืน อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขาดจะเข้ามายึดบ้านหลังนี้ ให้ออกจากบ้านตนเองภายในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 คือ ในวันนี้
นายลวง อนุเคราะห์ กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่ตน และแม่เฒ่าทั้ง 4 คน ได้ต่อสู้ทุกวิถีทาง ทั้งเข้าพบขอความเป็นธรรมจากทุกหน่วยงานเพื่อหวังว่าจะมีสักวันที่ได้นอนหลับเต็มที่ มีบ้านมีที่ให้แม่และน้าๆที่แก่เฒ่า พี่สาวที่เจ็บไข้ และลูกหลาน ได้มีที่อยู่ และไม่ต้องคิดถึงเรื่องหนี้สิน กระทั่งมาถึงวันนี้ที่เป็นข่าว ทุกสำนักข่าวออกข่าวด้วยความสงสารแม่เฒ่า และประชาชนที่มีเมตตาทำบุญโอนเงินมาช่วยเหลือตนและครอบครัว ให้มีเงินพอจะซื้อบ้านคืนได้
กระนั้นก็ตาม ตนอยากอ้อนวอนขอความเมตตาจากเจ้าหนี้ เห็นแก่มนุษยธรรมขายคืนบ้านและที่ดินที่แม่เฒ่าทั้ง 4 คน ได้อาศัยอยู่ให้ด้วย ขณะนี้พอมีเงินจากการบริจาคและทำบุญจากประชาชนทั่วประเทศให้เพื่อมาซื้อคืนบ้านและที่ดินได้แล้ว ซึ่งจะให้ตนและแม่เฒ่าไปกราบขอร้องอย่างไรก็ยอม
สำหรับบัญชีธนาคารออมสิน สาขาศรีสำโรง หมายเลขบัญชี 051980330271 ชื่อ นายลวง อนุเคราะห์ ซึ่งเป็นบัญชีรับบริจาคช่วยเหลือนั้นขณะนี้ยังไม่ได้มีการอัพยอดเงิน เนื่องจากนายลวง ยังสาละวนอยู่กับการยื่นเอกสารต่อศาลจังหวัดสุโขทัย โดยยอดล่าสุดยังคงอยู่ที่กว่า 8 แสนบาท แต่เชื่อว่ายอดบริจาคจะต้องสูงนับล้านบาทแน่นอน