อาวุธปืน AK102 ของกองร้อย อส.นราธิวาส สูญหาย 26 กระบอก พบแล้ว 6 กระบอก ได้มาจากการตรวจยึดหรือจับกุมบุคคลที่ครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่วนที่เหลือให้เร่งตามกลับคืน หวั่นนำไปสร้างสถานการณ์
พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคณะกรรมการ อนุกรรมการสอบสวนสาเหตุกรณีอาวุธปืนยาวเล็ก ขนาด 5.56 มม. รุ่น AK-102 จำนวน 28 กระบอก สูญหายจากกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ร่วมกันแถลงผลการสอบสวน ที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส
สรุปแล้วปืนหายไป 26 กระบอก อีก 2 กระบอกไม่ได้เกิดการสูญหายตั้งแต่ต้น แต่เป็นการผิดหลงทางด้านธุรการ และได้ตรวจสอบที่มาที่ไปพบหลักฐานแล้ว 6 กระบอก โดยทั้ง 6 กระบอกนี้เป็นอาวุธปืนที่ได้มาจากการตรวจยึดหรือจับกุมบุคคลที่ครอบครองโดยผิดกฎหมาย คงยังมีอาวุธปืนที่สูญหายและอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้ได้มาอีก 20 กระบอก ซึ่งทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะกรรมการอยู่ระหว่างการสอบสวนสืบสวน ตรวจสอบ รวบรวมข้อเท็จจริงของการสูญหาย เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ชัดเจน ถูกต้อง ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 30 วัน นับตั้งแต่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้ความพยายามเร่งตรวจสอบอาวุธปืนที่ยังคงสูญหายอีก 20 กระบอกให้กลับคืนมาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้บุคคลที่มีพฤติกรรมไม่หวังดีนำไปใช้ก่อเหตุรุนแรง สร้างสถานการณ์ในพื้นที่ และเพื่อเป็นการไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ออกคำสั่งให้มีเจ้าหน้าที่คลังรับผิดชอบอย่างชัดเจนในการทำหน้าที่บัญชีคุมอาวุธปืนทุกกระบอกในการเบิกจ่าย และนำออกจากคลัง สร้างมาตรการควบคุมอย่างเข้มแข็งของคลังอาวุธ ตลอดจนฐานปฏิบัติการอีกด้วย พร้อมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน หากพบเบาะแสดังกล่าวก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐได้ทันที ที่สายด่วน 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 061-1732999 สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังเรียกประชุมหารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเน้นย้ำนโยบายมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน เป็นกำลังหลักในการควบคุมกำกับดูแลพื้นที่เมืองควบคุมพื้นที่รอบนอก ตลอดจนพื้นที่ตอนในจากกำลังภาคประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพ เป็นไปตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดขยายในวงกว้าง เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนโดยส่วนรวม