รำลึกด้วยความอาลัย 30 ปี เหตุการณ์ "เลาด้า แอร์" ตกที่สุพรรณบุรีและเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ พร้อมเปิดประวัติเจ้าของสายการบิน "นิกิ เลาด้า" ที่ตลอดชีวิต เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ใจสู้ ไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ชั้นดีในฮอลิวู้ดมาแล้ว
• 30 ปี รำลึกเลาด้าแอร์ตก
วันนี้ 26 พฤษภาคม เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หรือเมื่อปี 1991 เกิดโศกนาฏกรรมทางเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดประเทศไทย เมื่อเครื่องบินสายการบิน เลาด้า แอร์ ซึ่งกำลังจะบินจากกรุงเทพ ไปยังเวียนนา ประเทศออสเตรีย เกิดอุบัติเหตุตกที่อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 223 คน
ณ เวลานั้น เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งใหญ่ของโลก เพราะตอนนั้นเครื่องบินโบอิง767 ถือเป็นเครื่องบินที่ทันสมัยมากของโบอิง ซึ่งมีอายุการใช้งานเพียง 3 ปี โดยอุบัติเหตุครั้งนี้มีที่มาจากความผิดพลาดของเครื่องบินโบอิง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ นี่คือความสูญเสียจากอุบัติเหตุเครื่องบิน เป็นลำดับที่ 28 ของโลก (ไม่นับรวมเหตุการณ์ 9:11 ตึกเวิลด์เทรด )
อุบัติเหตุเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทำให้ชื่อของ "นิกิ เลาด้า" ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบิน "เลาด้า แอร์" ถูกแสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องจากทั่วโลก ซึ่งในตอนนั้น ปี1991 นิกี้ เลาด้า มีอายุ 42 ปี เพิ่งล้างมือจากวงการแข่งรถสูตรหนึ่ง ไปเพียง 6 ปี ซึ่งเขาเคยเป็นแชมป์โลก F1 (ฟอร์มูล่าวัน) 3 สมัย
หลังเกิดเหตุเครื่องบนตก และเกิดความสูญเสีย นิกิ เลาดา เจ้าของสายการบิน เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุทันที และเร็วที่สุด และเขาให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ภาพแรกที่เขาเห็นคือภาพความวุ่นวายของบรรดาชาวบ้านในบริเวณนั้น ที่ต่างฉกฉวยของมีค่าจากซากเครื่องบิน แต่นิกิ เลาด้าก็มายังที่เกิดเหตุเพื่อจะแสดงความรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่ใหญ่หลวง...แต่หลังจากนั้น กิจการของเลาด้า แอร์ก็ค่อยๆ เป็นกราฟขาลง และสุดท้ายต้องมาควบรวมกับ ออสเตรีย แอร์ไลน์ เมื่อปี 2013
•นิกิ เลาด้า : ชีวิตบนความท้าทายมัจจุราช
ความจริงแล้ว ชีวิตของนิกิ เลาด้า อดีต CEO สายการบินเลาด้า แอร์ ต้องถือว่าเต็มไปด้วย ความทะเยอทะยาน ทั้งในชีวิตวัยเด็ก รวมถึงตอนเป็นช่วงวัยรุ่น และการเป็นนักกีฬาแข่งรถสูตรหนึ่ง ซึ่งเขาก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลก (1975, 1977, 1984)
ชีวิตของนิกิ เลาด้า น่าสนใจและมีเหลี่ยมมุมให้ค้นหามากมาย จนกระทั่ง รอน ฮาเวิร์ด ผู้กำกับดีกรีรางวัลออสการ์ ได้หยิบยก เรื่องราวของ นิกิ เลาด้า เอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Rush เมื่อปี 2013
ในภาพยนตร์เรื่อง Rush ได้เปิดเผยเรื่องราวการขับเคี่ยวแข่งขันกันทั้งในชีวิตจริง และในสนามแข่งรถ F1 ระหว่าง เจมส์ ฮันต์ (แสดงโดย คริส แฮมเวิร์ธ) และ นิกิ เลาด้า (แสดงโดยดาเนี่ยล บรูลห์) ในช่วงปี 1976 ที่เป็นการแข่งขันกันอย่างสูสี และเรียกได้ว่า ชีวิต แลก ชีวิต ระหว่าง ฮันต์ และ เลาด้า
โดยในภาพยนตร์ มีฉากสำคัญก็คือเหตุการณ์ที่ เลาด้า ประสบอุบัติเหตุขั้นรุนแรงท้าทายมัจจุราช และห่างจากความตายแค่เพียงเอื้อมมือ เพราะเขาโดนไฟคลอก ในสนามนูร์เบิร์กริ่งที่เยอรมนี และเขาต้องเสียโฉมไปตลอดชีวิต และต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บ
ในภาพยนตร์เผยให้เห็นถึงความมุมานะของนิกิ เลาด้า ที่พยายามกลับมาแข่งขันให้เร็วที่สุด และเขาใช้เวลาแค่ 6 สัปดาห์จากอาการเฉียดตาย แม้เขาจะบาดเจ็บปางตายก็ตาม และแสนทรมานกับแผลไฟไหม้ เพราะเขาแข่งในซีซั่นนั้นในฐานะแชมป์โลกคนปัจจุบัน
ในภาพยนตร์เรื่อง Rush อาจจะเห็น เลาด้า เป็นคนหยิ่งทะนง แต่หากตัดเอาอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ออกไป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นิกิ เลาด้า คือ ‘ต้นแบบ’ ของความมุ่งมั่นและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำ อย่างน่าคาราวะและนับถือจากหัวใจ
สำหรับปี 1976 นั้นแม้ นิกิ เลาด้า จะเสียแชมป์โลก แต่สุดท้ายแล้ว หลังจากที่เขาบาดเจ็บเกือบถึงชีวิต เขาก็ยังกลับมาได้แชมป์โลก F1 อีก 2 สมัย ในปี 1977 และ 1984 รวมทั้งชีวิตของเขา เป็นแชมป์โลก F1 ไปทั้งสิ้น 3 สมัย
•ต้นแบบของความทะเยอทะยาน
สำหรับ นิกิ เลาด้า จากไปจากโลกนี้แล้ว บนวัย 70 ปี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2019 เพราะช่วงท้ายๆของการมีชีวิต นิกิ เลาด้า มีปัญหาเรื่องทางด้านสุขภาพร่างกาย
เริ่มตั้งแต่ปี 1997 ต้องเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต 2 ครั้ง และในปี 2005 ก็เผชิญกับภาวะไตล้มเหลว แต่ก็ได้รับการบริจาคไตจากแฟนตนเอง
นิกิ เลาด้า เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้าน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ช่วงชีวิตของเขาสร้างความสำเร็จไว้มากมายทั้งในฐานะนักกีฬาแข่งรถและนักธุรกิจ ความุ่งมั่น ความสนุกสนาน ความซื่อตรง จะเป็นแบบอย่างให้กับเราและแฟนๆ ทุกๆ คนตลอดไป
วันนี้ 26 พฤษภาคม 2021 วันครบรอบ 30 ปีเหตุการณ์ เลาด้า แอร์ เกิดอุบัติเหตุ... หากเขายังมีชีวิตอยู่ ...นิกิ เลาด้าก็คงจะ เสียใจกับบาดแผลครั้งใหญ่ในชีวิต ที่ชื่อสายการบินของเขา เป็นส่วนหนึ่งของโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของโลก...