"ฉาย บุนนาค" ร้องขอความเป็นธรรม "ผบ.ตร." รอบ 2 ขอโอนคดี "ศักดิ์สยาม" ฟ้องมาดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ เหตุเข้าบุรีรัมย์ต้องถูกกักตัว 14 วันจากประกาศจังหวัดป้องกันปัญหาโควิด ขณะที่พนักงานสอบสวนเมินรวบรวมหลักฐานกล้องวงจรปิดบันทึกภาพบริเวณ เอมเมอรัลคลับ
วันนี้ (21 พ.ค.64) นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม และขอให้พิจารณาเปลี่ยนท้องที่ในการสอบสวนคดี
โดยอ้างถึง
1.คดีอาญาที่ 621/2564 สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ระหว่าง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ โดย นายทิวา การกระสัง ผู้รับมอบอำนาจ ผู้กล่าวหา บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ 1 ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ 2 นางรพีพรรณ เรือนศรี ที่ 3 นายประชาไท ธนณรงค์ ที่ 4 ผู้ถูกกล่าวหา
2.ประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องการป้องกันการระบาดใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5
พร้อมแนบสำเนาหมายเรียกผู้ต้องหารวม 3 ฉบับ
ด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ในข้อหาฐานความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ประกอบพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) มาตรา 16 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ประกอบมาตรา 83, 90 และ มาตรา 91
จากกรณีการนำเสนอข่าวการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 จากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ผ่านทางรายการเนชั่นทันข่าวค่ำ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 พนักงานสอบสวนฯ ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสี่ให้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 9.30 น. ดังรายละเอียดปรากฏตามหมายเรียกผู้ต้องหาที่อ้างถึงและส่งมาพร้อมหนังสือฉบับนี้
ข้าพเจ้า นายฉาย บุนนาค ขอเรียนต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า พนักงานสอบสวนฯ เจ้าของสำนวนคดีนี้มีพฤติการณ์ในการดำเนินคดีและการออกหมายเรียกผู้ต้องหาในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมกลั่นแกล้งฝ่ายผู้ต้องหา มีรายละเอียดดังนี้
1.พนักงานสอบสวนฯ ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสี่เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นัดให้ผู้ต้องหาทั้งสี่มาพบพนักงานสอบสวนฯ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 9.30 น. ทั้งที่พนักงานสอบสวนฯ ทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5 กำหนดให้ผู้เดินทางเข้าจังหวัดบุรีรัมย์ทุกคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด) ต้องถูกกักกันตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน ณ สถานที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ประกาศกำหนด ตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ที่อ้างถึง (2)
และเนื่องจากข้าพเจ้า และผู้ต้องหาอีก 3 คนในคดีนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กับทั้งยังปฏิบัติหน้าที่การงานในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ดังนั้นการเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน จึงเข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องถูกกักกันตัวตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ แต่พนักงานสอบสวนฯ ก็ยังคงออกหมายเรียกและกำหนดวันนัดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงเวลาที่ผู้ต้องหาต้องถูกกักตัวตามประกาศดังกล่าว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบและความปลอดภัยของผู้ต้องหาต่อวิกฤติโรคระบาดไวรัสโควิด-19
เหตุดังกล่าวจึงบ่งชี้ว่าพนักงานสอบสวน มีพฤติการณ์ดำเนินคดีในลักษณะกลั่นแกล้งผู้ต้องหา เจตนาออกหมายเรียกผู้ต้องหาโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ต้องหาไม่สามารถเดินทางไปตามกำหนดนัดได้ ประสงค์ให้ผู้ต้องหาฝ่าฝืนหมายเรียก อันจะเป็นเหตุให้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หรือเพื่อเสนอศาลออกหมายจับ
2. เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและร้องขอให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการรวบรวมหลักฐานไฟล์บันทึกกล้องวงจรปิด (cctv) บริเวณด้านหน้าและภายในสถานบันเทิงเอมเมอรัลคลับฯ ช่วงระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 7 เมษายน 2564 ซึ่งมีอยู่ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ไฟล์บันทึกกล้องวงจรปิดดังกล่าวเป็นวัตถุพยานสำคัญแห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 131 พนักงานสอบสวนฯ มีหน้าที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเข้ามาในสำนวนคดีนี้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงแห่งคดีให้ปรากฏว่า นายศักดิ์สยาม ได้ไปใช้บริการสถานบันเทิงเอมเมอรัลคลับฯ จริงหรือไม่ อันจะเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในการนำเสนอข่าวของผู้ห้องทั้งสี่
ต่อมาข้าพเจ้า ได้ติดตามผลการรวบรวมพยานหลักฐานกับพนักงานสอบสวนเรื่อยมา แต่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในการรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าว
ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวทั้ง 2 กรณี ข้าพเจ้า จึงไม่อาจเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของพนักงานสอบสวนในพื้นที่ ซึ่งเป็นท้องที่เดียวกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มีภูมิลำเนาอยู่ การสอบสวนและการทำสำนวนคดีของพนักงานสอบสวน จึงไม่อาจให้ความเป็นธรรมกับข้าพเจ้า และผู้ต้องหาอื่น
ประกอบกับนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับข้าพเจ้า และผู้ต้องหาอีกสามคน จึงเป็นการสะดวกที่จะทำให้การดำเนินคดีนี้เป็นไปอย่างไม่มีอุปสรรคและเป็นที่เชื่อมั่นได้ว่า ผู้ต้องหาทั้งสี่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรมในการดำเนินคดี ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้โปรดมีคำสั่งให้โอนสำนวนการสอบสวนคดีนี้ทั้งหมดมายังหน่วยงานการสอบสวนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อไปด้วย