ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ด้านสว่างของโควิด นั่นก็คือทำให้คนไทยตระหนักถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้แต่ละคนรอดชีวิตไปได้อย่างปลอดภัย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า
ด้านสว่างของโควิด นั่นก็คือทำให้คนไทยตระหนักถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้แต่ละคนรอดชีวิตไปได้อย่างปลอดภัยและตอกย้ำถึงวิชาสุขศึกษาที่สมัยก่อน ตอนหมอเด็กๆ เป็นนักเรียนประถม ถูกสั่งสอนกันมาตลอด และแท้จริงแล้วสามารถป้องกันโรคได้ทุกระบบ จากกระบวนการวิธีการแพร่ของโรคเข้าสู่ช่องทางต่างๆของร่างกาย ตั้งแต่การกิน เข้าทาง เยื่อบุตา ปาก จมูก การแพร่เชื้อโรคจากการไอจาม พ่นฝอยละอองออกไปจากตัวสู่ผู้อื่น การเอามือสกปรกที่จับพื้นผิวต่างๆ มาเข้าหน้าเข้าตาและเป็นช่องทางที่นำเชื้อโรคเข้าตัว การระวัง ป้องกันตัวจากยุงเห็บไรริ้นแมลง กัดต่อย
การทำความสะอาดแผลที่ปนเปื้อนด้วยขี้ดินขี้ทรายหรือที่ถูกสัตว์กัด อาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกหรือปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นอุดมด้วยเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ เหล่านี้เป็นที่มาของ การกินร้อน ช้อนกลางหรือช้อนตัวเอง ปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอจาม ไม่ถ่มน้ำลาย เสมหะลงพื้นสาธารณะ ล้างมือ ไม่กินอาหารดิบ สัตว์เลี้ยงดูแลคุมกำเนิดทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรค เจ็บป่วยแยกตัว
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ป้องกันโรคทางระบบทางเดินหายใจอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงโรคทางระบบทางเดินอาหารรวมกระทั่งถึงโรคตับ มะเร็ง เช่นที่เกิดจากพยาธิใบไม้ โรคเยี่อหุ้มสมองและสมองอักเสบจากแบคทีเรียที่อยู่ในอาหารดิบ เป็นตัน
เพียงระมัดระวังตัวเท่านี้จะสามารถประหยัดเงินค่ารักษาพยาบาลและงบประมาณของประเทศไปได้เป็นแสนล้าน ทั้งนี้จะอ้างไม่ได้ว่าทำไม่ได้ เช่นคนไทยต้องกินแซ่บ กินดิบๆ ตามวัฒนธรรมไทย
เมื่อโควิดปรากฏตัวขึ้น นอกจากการกลับเข้ามามีวินัยอย่างสูงสุด สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ใครที่มีโรคประจำตัวจะมีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงขึ้น รักษายากขึ้น ตายง่ายขึ้น และแม้ว่ารอดชีวิตไปก็มีอวัยวะเสียหายติดตัวไปตลอดชีวิตไม่ว่าสมอง ปอด หัวใจ ไตเป็นต้นดังนั้นต้องดูแลตนเองให้โรคประจำตัวคุมให้ได้ดีที่สุดและถึงเวลา...ลด น้ำหนัก หุ่นสวยเพรียวทั้งประเทศแล้ว”