แอสตราเซนเนก้า แถลงการณ์ว่า ตัวอย่างวัคซีนโควิด19 ชุดแรกที่ผลิตโดย สยามไบโอไซเอนซ์ ผ่านการทดสอบคุณภาพที่ห้องปฏิบัติการของแอสตราเซนเนก้า ในยุโรปและในสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว
เจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "การพัฒนาวัคซีนโควิด19 ของแอสตราเซนเนก้า ในประเทศไทยมีความหวังขึ้นมาก ประการแรกคือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นโรงงานผลิตวัคซีนแอสตราเซนเนก้าในไทย โดยสัปดาห์ที่แล้วตัวอย่างวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ผ่านการทดสอบที่ได้มาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อาทิ สารเคมี องค์ประกอบ และความปลอดภัย และในวันนี้ ตัวอย่างวัคซีนโควิด19 ชุดแรกที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ผ่านการทดสอบคุณภาพที่ห้องปฏิบัติการของแอสตราเซนเนก้าในยุโรปและในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ความก้าวหน้าครั้งสำคัญเหล่านี้ หมายความว่าความหวังที่จะส่งมอบวัคซีนให้แก่รัฐบาลไทยเข้าใกล้ความเป็นจริงอีกขั้น"
นอกจากนี้แอสตราเซนเนก้า ยังได้เน้นย้ำเรื่องการรักษามาตรฐานเพื่อให้ได้วัคซีนที่มีคุณภาพ ซึ่งกล่าวไว้ว่า มีการทดสอบคุณภาพมากมายในแต่ละขั้นตอนของการผลิตและการจัดจำหน่าย เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีคุณภาพ โดยวัคซีนจะต้องผ่านการทดสอบการควบคุมคุณภาพมากกว่า 60 รูปแบบ ตั้งแต่สายการผลิตจวบจนการฉีดวัคซีน ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่า วัคซีนแอสตราเซนเน้ก้าได้คุณภาพที่สม่ำเสมอแม้อยู่ในซัพพลายเชน และยังได้สร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมทั่วโลกอีกด้วย
ที่ผ่านมาแอสตราเซนเนก้าทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของไทยมาโดยตลอด อาทิ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นใจในการฉีดวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยได้มาตรฐานตามที่กำหนด
"เราให้ความสำคัญกับการส่งมอบวัคซีนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ยึดมั่นในการปฏิบัติตามขั้นตอนและมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพสูงสุด เราจะยังคงทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น เราตระหนักดีว่ามีข้อกังวลเพิ่มมากขึ้นและมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนและความพร้อมในการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือคนไทยและประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด19 ผมต้องการย้ำถึงความมุ่งมั่นของ แอสตราเซนเนก้า อีกครั้งว่า วิทยาศาสตร์และผลประโยชน์ของสังคมคือหัวใจของงานของเรา และเราจะยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเราด้วยการทำงานร่วมกับรัฐบาลและองค์กรอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อการเข้าถึงวัคซีนในวงกว้างและเท่าเทียมตามเวลาที่กำหนด และไม่หวังผลกำไรในช่วงของการแพร่ระบาด"