แผน‘ล่อเสือออกจากถ้ำ’ ดึงคนรวย ใช้จ่าย‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’จะได้ผลหรือไม่ ?

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐน้องใหม่ไฟแรงที่ใคร ๆ ก็ต่างพูดถึงในตอนนี้ คือ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งจะเป็นโครงการที่ต้องการดึงกำลังซื้อคนมีเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ โดย ‘นางสาวกุลยา ตันติเตมิท’ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการนี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงจำนวน 4 ล้านคนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

ทั้งนี้โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม และบริการ ไม่รวมล็อตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำมันและก๊าซสำหรับยานพาหนะ บริการนำเที่ยว ที่พัก และตั๋วเครื่องบิน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุน E-Voucher สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท โดยแบ่งได้ดังนี้

-ยอดใช้จ่าย 1 – 40,000 บาทแรก รับ E-Voucher 10% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาทยอด--ใช้จ่าย 40,001 – 60,000 บาท รับ E-Voucher 15% ของยอดเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3,000 บาท 

-โดยยอดใช้จ่ายเพื่อคำนวณ E-Voucher จะอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวันต่อคน

- ดังนั้นหากต้องการได้รับ E-Voucher เต็มสิทธิ์ที่ 7,000 บาท จะต้องมียอดใช้จ่ายรวมไม่ต่ำกว่า 60,000 บาทต่อคน

ลุ้นยิ่งใช้ยิ่งได้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ไหน

อย่างไรก็ตามมีคาดการณ์ว่าโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 268,000 ล้านบาท แต่ถ้ารวมโครงการอื่นทั้ง คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทำให้ครึ่งปีหลังมีเงินหมุนเวียนถึง 4 แสนล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ให้โตเพิ่มได้อีก 1%”  โดยจะต้องจะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com และต้องใช้จ่ายผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยจะต้องโอนเงินส่วนตัวเข้าแอปฯเป๋าตัง เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่กำหนด และจะได้รับ E-Voucher กลับเข้ามาในแอปฯเป๋าตัง เพื่อนำไปใช้จ่ายต่อไป เบื้องต้นคาดว่าระยะเวลาการใช้จ่ายซื้อสินค้าจะอยู่ประมาณช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน 2564 และ E-Voucher จะได้รับในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปและใช้จ่ายได้ถึงธันวาคม 2564

สิ่งที่กล่าวมาเบื้องต้น คือข้อมูล และรายละเอียดของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ แต่ก็มีคำถามจากสังคมที่ว่า แล้วคนมีกำลังซื้อจำนวน 4 ล้านคน เป้าหมายที่วางไว้จะยอมออกมาใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ ? ตรงนี้ต้องลุ้นอีกทีว่าเขาเหล่านั้นจะชื่นชอบเงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการหรือไม่ แต่...ก็มีคนจำนวนไม่น้อยออกมาบอกว่ากว่าจะได้ 7,000 บาท ต้องใช้เงิน 60,000 บาท เลยหรือ ซึ่งในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ก็ถือว่าไม่น้อยนะ ต้องเอาใจช่วยต่อไปว่าโครงการนี้จะสำเร็จหรือไม่ !