กทม.ร่วมมือ หอการค้าไทย จัดหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ปชช.ครอบคลุมพื้นที่ 14 แห่ง ยัน เริ่มฉีดเดือนมิถุนายน แต่ละที่เฉลี่ยฉีดได้วันละ 1,000-2,000 คน โดยประชาชนต้องลงทะเบียน ผ่านไลน์"หมอพร้อม"
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าว "ความร่วมมือในการจัดหน่วยบริการวัคซีน COVID-19 ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร" โดยมีนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการบริหารหอการค้าไทย รศ.สุปาณี เสนาดิสัย นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ และ รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล ร่วมแถลงข่าวด้วย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า แม้ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะมีการติดเชื้อเพิ่มอย่างก้าวกระโดด ทางกรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญ ของปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมาได้มีการขับเคลื่อนมารตรกาารต่างๆในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครรวมถึงผู้ประกอบการได้ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 อาทิการเฝ้าระวังคุมเสี่ยง และค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรักษาและติดตามผู้ป่วย รวมทั้งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เพื่อให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทางกรุงเทพมหานครจึงจัดหาวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยตั้งเป้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ได้ร้อยละ 70 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีประมาณ 5 ล้านคน อันเป็นการต่อยอดจากการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายแรกในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาอันได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุตลอดจนผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงประกอบด้วย เขตจอมทอง เขตบางขุนเทียน เขตบางแค เขตบางบอน เขตภาษีเจริญ และ เขตหนองแขม
สำหรับสถานที่ในการให้บริการฉีดวัคซีนนั้น จะดำเนินการทั้งในและนอกโรงพยาบาลควบคู่กัน โดยในส่วนของการให้บริการนอกโรงพยาบาลนั้น กรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือจากหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการจัดจุดบริการฉีดวัคซีนในสถานประกอบการและห้างสรรพสินค้าจำนวน 14 แห่ง โดยครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครเพื่อให้ประชาชนสามารถรับบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็วได้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย และที่ประชุมหัวหน้าสถาบันการศึกษาพยาบาลศาสตร์ของรัฐในการสนับสนุนพยาบาล และบุคลากรให้บริการวัคซีนประชาชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานครขอเน้นย้ำให้ประชาชนทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการของรัฐเพื่อยับยั้งการแพทยระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป
ทางด้านของ นางศิลปสวย กล่าวต่อว่า ทางกรุงเทพมหานครมีแผนฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 2 ส่วน คือจะมีการดำเนินการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลของกรุงเทพมหานครทุกแห่ง โดยมีอยู่ 11 โรงพยาบาล รวมถึง โรงพยาบาลแห่งอื่นๆด้วย ทั้งหมดแล้วจะมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมการฉีดวัคซีนจำนวน 105 แห่ง
ในส่วนที่2 คือหน่วยบริการฉีดวัคซีนซึ่งได้มีการกำหนดสถานที่นอกโรงพยาบาลจำนวน 14 แห่ง โดยในกรุงเทพมหานครมีการบริหารทั้งหมด 6 โซนคือ โซนกรุงเทพเหนือ จะมีสถานที่ฉีดวัคซีน 2 ที่ คือบริษัทปูนซีเมนต์ จำกัด มหาชน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งจะมีการฉีดได้ประมาณ 2,000 คนต่อวัน โซนที่2 กรุงเทพใต้ แห่งแรกคือสามย่านมิดทาวน์ เขตปทุมวัน ฉีดได้ประมาณ 1,500 คนต่อวัน ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค เขตสวนหลวง ฉีดได้ประมาณ 1,000 คนต่อวัน ทรูดิจิตอลพาร์คเขตพระโขนง ฉีดได้ 1,000 คนต่อวัน และเอเชียทีคเขตบางคอแหลมฉีดได้ 2,000 คนต่อวัน สำหรับกลุ่มโซนกรุงเทพตะวันออก แห่งแรกคือ เดอะมอลล์บางกะปิ ฉีดประมาณ 2,000 คนต่อวัน โรบินสัน ลาดกระบัง ฉีดได้ 1,000 ต่อวัน และ โลตัสมีนบุรี ฉีดได้ 1,000 คนต่อวัน ส่วนกลุ่มเขตกรุงเทพเหนือประกอบด้วย เซนทรัล เขตบางกอกน้อย 1,000 คนต่อวัน และ ไอคอนสยาม เขตคลองสาน 1,000 คนต่อวัน สุดท้ายเขตกรุงธนใต้ คือสถานีปตท.พระราม2 เขตบางขุนเทียน ฉีดได้ประมาณ 1,500 คนต่อวัน เดอะมอลบางแค 2,000 คนต่อวัน และบิ๊กซีบางบอน ฉีดได้ 1,500 คนต่อวัน เมื่อดูจากตัวเลขจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนรวมทั้งสิ้น 25,000 คนต่อวัน
สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนโควิดประชาชนต้องลงทะเบียน โดยกระบวนการฉีดวัคซีนหลังจากลงทะเบียนผ่านไลน์"หมอพร้อม" และปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยให้สังเกตุอาการภายหลังฉีดวัคซีน 30 นาทีและรับใบนัดเพื่อฉีดเข็มที่สองในครั้งต่อไป โดยแต่ละรายจะใช้เวลาในการฉีดวัคซีนทั้งสิ้น 45 นาที ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการในเดือน มิถุนายน-ธันวาคม ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ "หมอพร้อม" โดยสามารถเลือกสถานที่ฉีดได้ตามความประสงค์ โดยหวังว่าการฉีดวัคซีนในครั้งนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้