ขสมก.ออกประกาศพนักงานธุรการอู่แพรกษา พร้อมคนในครอบครัวติดเชื้อโควิด 6 ราย สั่งคนทำงานใกล้ชิดตรวจหาเชื้อ เผยไทม์ไลน์ไปเที่ยวบางแสนและฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ
วันที่ 28 เม.ย.64 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลสมุทรปราการ ได้นำรถพยาบาลมารับพนักงานเก็บค่าโดยสารรถธรรมดา (รถเมล์ร้อน) สาย 145 อู่แพรกษา (บ่อดิน)-หมอชิต 2 เพศหญิง อายุ 52 ปี (ปัจจุบัน ขสมก. ให้พนักงานดังกล่าว ปฏิบัติหน้าที่ช่วยงานธุรการ ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) เพราะว่าพนักงานเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย) พร้อมบุคคลในครอบครัว จำนวน 6 คน ไปกักตัว ณ โรงพยาบาลสมุทรปราการ
เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลฯ ได้แจ้งให้ทราบว่าหลานสาว (1 ใน 6 ของบุคคลในครอบครัว) เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลฯ ได้แจ้งให้ทราบว่าพนักงาน และทุกคนในครอบครัวเป็นผู้ติดเชื้อฯ
ขสมก. ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว จากผู้อำนวยการเขตการเดินรถที่ 3 จึงได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนี้
1.ขสมก. แจ้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อแจ้งรายละเอียดผู้ติดเชื้อโควิด-19 (ตามแนวทางปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อฯ) โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข
2.พนักงานผู้ติดเชื้อได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะทำงาน และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รวมทั้ง มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้าทำงานทุกครั้ง
ไทม์ไลน์ของพนักงานผู้ติดเชื้อฯ สรุปดังนี้
วันที่ 12 เม.ย.64 เวลา 06.00 น. พนักงานพร้อมครอบครัว เดินทางไปพักผ่อนที่หาดบางแสน จ.ชลบุรี และเดินทางกลับที่พักอาศัย ในเวลา 17.00 น.
วันที่ 13 เม.ย.64 เวลา 11.00 น. พนักงานพร้อมครอบครัว เดินทางไปพักผ่อนที่ฟาร์มจระเข้ จ.สมุทรปราการ และเดินทางกลับที่พักอาศัย ในเวลา 15.00 น.
วันที่ 14 เม.ย.64 พักผ่อนอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน
วันที่ 15 เม.ย.64 พักผ่อนอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน โดยหลานสาวเริ่มมีอาการไอ
วันที่ 16 เม.ย.64 วันหยุดประจำสัปดาห์ พนักงานพักอาศัยอยู่ที่บ้าน
วันที่ 17 เม.ย.64 พนักงานลาหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้าน โดยหลานสาวเริ่มมีไข้
วันที่ 18 เม.ย.64 เวลา 06.00-12.00 น. พนักงานทำงานด้านเอกสารในห้องทำงาน ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) กลุ่มงานปฏิบัติการเดินรถ 3 เขตการเดินรถที่ 3 หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 19 เม.ย.64 เวลา 06.00-12.00 น. พนักงานทำงานด้านเอกสารในห้องทำงาน ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) กลุ่มงานปฏิบัติการเดินรถ 3 เขตการเดินรถที่ 3 หลังเลิกงานได้เดินทางไปฟอกไตที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
วันที่ 20 เม.ย.64 เวลา 06.00-12.00 น. พนักงานทำงานด้านเอกสารในห้องทำงาน ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) กลุ่มงานปฏิบัติการเดินรถ 3 เขตการเดินรถที่ 3 หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 21 เม.ย.64 เวลา 06.00-12.00 น. พนักงานทำงานด้านเอกสารในห้องทำงาน ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) กลุ่มงานปฏิบัติการเดินรถ 3 เขตการเดินรถที่ 3 หลังเลิกงานได้เดินทางไปฟอกไตที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
วันที่ 22 เม.ย.64 เวลา 06.00-12.00 น. พนักงานทำงานด้านเอกสารในห้องทำงาน ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) กลุ่มงานปฏิบัติการเดินรถ 3 เขตการเดินรถที่ 3 หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 23 เม.ย.64 วันหยุดประจำสัปดาห์ พนักงานพักอาศัยอยู่ที่บ้าน
วันที่ 24 เม.ย.64 พนักงานพาหลานสาวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสมุทรปราการ เมื่อพนักงานเดินทางกลับมาถึงที่พักอาศัย เริ่มมีอาการไข้
วันที่ 25 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ แจ้งให้ทราบว่าหลานสาวของพนักงานเป็นผู้ติดเชื้อฯ จึงให้พนักงานและทุกคนในครอบครัวกักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อรอรถพยาบาลรับไปรักษา
วันที่ 26 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ นำรถพยาบาลมารับพนักงานและทุกคนในครอบครัวไปกักตัว พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล
วันที่ 27 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมุทรปาการ แจ้งให้ทราบว่าพนักงานและทุกคนในครอบครัวเป็นผู้ติดเชื้อฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
3.ผู้ติดเชื้อปฏิบัติหน้าที่ช่วยงานธุรการ ณ อู่แพรกษา (บ่อดิน) จึงไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร (รถเมล์) แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ขสมก. ได้ฉีดพ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในห้องทำงาน และบริเวณโดยรอบสถานที่ทำการ 4.ขสมก.ให้พนักงานที่ทำงานใกล้ชิดกับพนักงานผู้ติดเชื้อฯ หยุดงานไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 หากได้ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขสมก. ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถเมล์ ล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถเมล์ด้วยแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนและหลังนำรถออกวิ่งให้บริการ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเดินทาง