"อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" เปิดเผย คดีน้องชมพู่มีเหตุให้ต้องเลื่อนหมายจับออกไปจาก 15 ก.พ. เป็นช่วงเดือนเมษายน พร้อมระบุ ขณะนี้ผู้ต้องหาไม่กล้าอยู่บ้าน มีความพยายามจะไปปิดปากพยานคนสำคัญที่แม่ฮ่องสอน
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์กับเนชั่นออนไลน์ กรณีเคยพูดว่าตำรวจจะออกหมายจับผู้ต้องหาคดี "น้องชมพู่" บ้านกกกอก ภายในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.) ว่า ขณะนี้หมายจับดังกล่าวจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน อาจจะถึงเดือนเมษายน เนื่องจากพยานหลักฐานที่ตำรวจมียังไม่สมบูรณ์ และอาจมีข้อสอบรั่ว พิจารณาแล้วยังมีช่องโหว่ให้ผู้ต้องหาใช้ต่อสู้ทางคดีได้ ดังนั้นตำรวจจึงขอทำสำนวนให้รัดกุม เพื่อไม่ให้ถูกตีกลับในชั้นอัยการ และใช้เป็นตัวมัดผู้ต้องหาในชั้นศาลจนดิ้นไม่หลุด
นายอัจฉริยะ เปิดเผยด้วยว่า ช่วงนี้ผู้ต้องหาพยายามทำตัวให้มีธุระ ไม่กล้าอยู่บ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกออกหมายจับตามคำแนะนำของทนาย จึงมีข่าวเตรียมเดินทางไปภาคเหนือร่วมงานแต่งงานเพื่อหลบฉาก และไปพบกับใครบางคนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยสนิทสนมกับผู้ต้องหารายดังกล่าวมาก่อน เคยกินนอนอยู่กับผู้ต้องหาหลังเกิดคดีน้องชมพู่ จึงทำให้บุคคลดังกล่าวรู้ความลับในทุกเรื่อง และพยานรายนี้ชุดสืบก็เคยพบและพูดคุยมาแล้วเช่นกัน ดังนั้นการเดินทางไปภาคเหนือของใครบางคนจึงอาจจะไปขอให้พยานรายนี้ปิดปากเงียบ เพราะหากพูดความจริงและยอมเป็นพยานให้ตำรวจขึ้นมาผู้ต้องหารายนี้จะดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน
นายอัจฉริยะ ยืนยัน เป้าผู้ต้องหาของตนไม่เคยเปลี่ยน ยังเป็นคนเดิมที่เคยสงสัย และสาเหตุที่ตนพูดเรื่องการออกหมายจับผิดก็ไม่ได้สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะตนไม่ได้มีส่วนได้เสียกับคดี เพียงแต่เข้าไปช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำเท่านั้น อีกทั้งก็พูดไปตามพยานหลักฐานที่มี ไม่ได้พูดมั่ว เพราะตนทำงานคู่ขนานกับตำรวจโดยมีทีมสืบของตัวเองที่แฝงตัวเกาะติดความเคลื่อนไหวคดีนี้อยู่ตลอดเวลา และอย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ได้เห็นใครบางคนดิ้นรนจนผิดสังเกตุ