ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ขู่ว่าจะคว่ำบาตรเมียนมาครั้งใหม่ หลังกองทัพเมียนมา ก่อรัฐประหาร และจับกุมผู้นำพลเรือนของรัฐบาล รวมถึงนางอองซาน ซูจี ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ
2 กุมภาพันธ์ 2564 งานนี้ ผู้นำสหรัฐโจมตีกองทัพสำหรับการทำรัฐประหาร โดยเรียกว่าเป็นการ "โจมตีโดยตรงต่อการเปลี่ยนผ่านของประเทศไปสู่ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม"
ไบเดนบอกว่า " สหรัฐฯยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเมียนมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ก็โดยอาศัยความก้าวหน้าไปสู่ประชาธิปไตย การย้อนกลับของความคืบหน้านั้น จึงจำเป็นจะต้องมีการทบทวนข้อกฎหมายและอำนาจของสหรัฐสำหรับการลงโทษในทันที แล้วตามด้วยการดำเนินการที่เหมาะสม สหรัฐจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เมื่อใดก็ตามที่มันถูกโจมตี"
เมียนมานั้น เป็นโครงการโปรโมตประชาธิปไตยแบบตะวันตกมานานหลายทศวรรษ และเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการถอยหลังกลับสู่ลัทธิเผด็จการ รวมถึงความผิดหวังที่มีต่อนางซูจี อดีตผู้นำฝ่ายค้าน ก็เกิดขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อต้านการปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาทางตะวันตกของประเทศ
เมียนมาผงาดขึ้นจากการปกครองโดยทหารที่เข้มงวดมานานหลายทศวรรษ และการแยกตัวออกจากนานาประเทศซึ่งเริ่มต้นในปี 2505 ทำให้เหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ ถือเป็นการหล่นจากอำนาจอย่างน่าตกใจสำหรับนางซูจี ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2534 จากผลงานส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน