svasdssvasds

จับสัญญาณอย่างไรว่าเราเป็น โรคเบาหวาน แล้วหรือยัง?

โรคเบาหวาน เป็นโรคใกล้ตัว มันสามารถติดต่อเชิงพฤติกรรมได้ คนส่วนใหญ่มักไม่รู้และไม่ค่อยพูดถึง ฉะนั้นพฤติกรรมการกินสำคัญมาก ซึ่งหากเราไม่ปรับพฤติกรรม โอกาสก่อโรคเบาหวานมีสูงมาก เรามาจับสัญญาณร่างกายกันว่าเราเข้าข่ายอาการเหล่านี้แล้วหรือยัง

สโลแกนของสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยใช้คำว่า เพียงรู้และเข้าใจ ถ้าเรารู้จัก โรคเบาหวาน และเข้าใจมัน มันจะป้องกันโรคเบาหวานได้

นพ. เพชร รอดอารีย์ เลขาสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า เบาหวานเป็นโรคใกล้ตัว มันสามารถติดต่อเชิงพฤติกรรมได้ นั่นคือ ถ้าเราเข้ากลุ่มไม่ออกกำลังกาย เขากลุ่มบริโภคเก่ง กินเกิน พฤติกรรมเหมือนๆ กัน แล้วพออ้วนขึ้นก็จะเกิดโรคเบาหวานได้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ประมาณ 2-4 เท่า จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดถ้ามองภาพใหญ่ในระดับประเทศ คนไทยเสียชีวิต 70 เปอร์เซ็นต์มาจากกลุ่มโรค NCDs หรือโรคเรื้อรังได้แก่ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน ซึ่งเบาหวานจะแทรกอยู่ในโรคกลุ่มนี้ตลอด คนเป็นความดันก็มีเบาหวานด้วย คนไทยเสียชีวิตจากโรคกลุ่มนี้ กลุ่มที่มีเบาหวานอยู่ด้วยประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เยอะกว่าอุบัติเหตุ เยอะกว่าอะไรทุกอย่างเลย เพราะฉะนั้นถามว่าเบาหวานทำให้ตายเยอะไหม ต้องบอกว่าเยอะมาก ฉะนั้น อยากให้คิดก่อนสั่ง อย่าไปสั่งตอนหิว เพราะมักจะกดเพลินเกินหลายอย่าง แล้วพลังงานที่ได้ก็จะเกิน ก็จะก่อเกิดโรคเบาหวานได้

โรคเบาหวาน ถ้าจะจับสัญญาณจริงๆ ว่าเราจะเป็นเบาหวานหรือเปล่า ให้จับสัญญาณดังนี้

1. เรื่องพันธุกรรม หากเรามีสัญญาณแล้วว่า คุณพ่อคุณแม่ หรือญาติผู้ใหญ่เราเป็นเบาหวาน อันนี้เป็นสัญญาณเตือนอันที่หนึ่งแล้ว หรือถ้าใครไม่มีสัญญาณอันนี้ก็ไม่ได้ความว่าเราจะปลอดภัยนะ

ถ้าเราอ้วนขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่าตับอ่อนเราก็จะทำงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งมันไม่ไหว การทำงานของตับอ่อนก็จะดรอปทันที น้ำตาลพุ่งขึ้นสูง เพราะฉะนั้น สัญญาณเตือนอันแรกก็คือความอ้วน ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ้วนขึ้น ต้องใช้คำว่าเตรียมตัวได้แล้ว

2. สัญญาณเตือนอีกอันหนึ่งที่อยากให้ทำ นั่นคือ การไปเจาะเลือดดู 

- คนทั่วไปที่ไม่เป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดควรจะต่ำกว่า 100 

- คนที่มีน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100-125 เริ่มมีความเสี่ยงแล้ว 

- ถ้าอ้วนแล้วมีน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ 100-125 แปลว่า กำลังเสี่ยงจะเป็นเบาหวานแล้ว 

- ระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 125 ก็คือเป็น 126 ขึ้นไป หมอจะวินิจฉัยแล้วว่าเขาเป็นเบาหวาน 

นี่คือสัญญาณตัวที่สอง นอกจากอ้วนแล้วลองไปเช็กเลือดดูว่าปกติจริงหรือเปล่า

3. สัญญาณเตือนอีกอย่างที่เป็นกันเยอะ นั่นคือ สายตาเปลี่ยนเร็วกว่าปกติ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ เช่น เราควรจะต้องสายตายาวตอนอายุสักประมาณ 45-50 ปี หากเราอายุยังไม่ถึง แต่เดี๋ยวสายตาสั้น เดี๋ยวสายตายาว เดี๋ยวเปลี่ยนแว่นอยู่เรื่อยๆ นั่นแปลว่า น้ำตาลเริ่มกวนการปรับเลนส์ของตา ส่งผลทำให้ตาเรามัว หรือการมองเห็นหรือการปรับภาพไม่ดี เป็นต้น

4. เตือนอีกอย่างหนึ่งก็คือ อาการชาที่เท้าหรือมือ แต่ส่วนมากมักจะเริ่มที่เท้าก่อน ถ้าเรารู้สึกว่าชา แปลว่าน้ำตาลมันเริ่มไปรบกวนสัญญาณประสาทของเรา น่าจะมีเบาหวานแล้ว เป็นสัญญาณบอกว่า เราเริ่มมีเบาหวานเข้าไปเกาะกินเส้นประสาท

5. สัญญาณเตือนหนัก นั่นก็คือ ผอมลงในระยะเวลาไม่นาน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ไม่นานมานี้อ้วนสมบูรณ์ดี ไม่ตั้งใจลดน้ำหนักนะ แต่ทำไมมันผอมลงไว หากมีอาการแบบนี้ให้ลองสังเกตตนเองดูว่า ปัสสาวะบ่อยหรือเปล่า หรือกลางคืนตื่นมาปัสสาวะบ่อยกว่าปกติหรือเปล่า นี่เป็นการเตือนว่าน้ำตาลเราคงสูงมาก 

คนปกติถ้าน้ำตาลเกิน 180 ขึ้นไป เริ่มจะปัสสาวะบ่อยแล้ว เตือนแบบนี้แสดงว่าน้ำตาลในเลือดเราคงต้องสูงเป็น 200 แน่นอน

6. สุดท้าย เป็นสัญญาณเตือนที่ค่อนข้างน่ากลัว นั่นคือ เตือนโดยหมอหัวใจ เราไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวานเลย วันดีคืนดีอยู่ๆ ก็เจ็บแน่นหน้าอก ไปหาหมอตรวจ จึงพบว่าเราเป็นโรคหัวใจ เจาะเลือดดูถึงรู้ว่าตัวเองเป็นเบาหวาน เป็นมานานแล้วแต่ไม่รู้ตัว ไม่มีใครบอก นอกจากไปถึงหมอหัวใจบอกเป็นโรคหัวใจไปแล้ว อันนี้ยิ่งอันตรายเพราะเกิดโรคแทรกซ้อนทางโรคหัวใจไปเรียบร้อย หรือบางคนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเส้นเลือดสมองตีบไปเลยก็มีเช่นกัน

นพ. เพชร กล่าวทิ้งท้ายว่า งานวิจัยอันหนึ่งที่ทำกันทั่วโลกและได้ผลออกมา มีคำตอบเดียวก็คือว่า ถ้ารู้ว่าตัวเองเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน สามารถป้องกันได้ ป้องกันได้แค่ไหน 100 คน ป้องกันได้ 60 คน หรือ 10 คนป้องกันได้ 6 คน เพราะฉะนั้นคนที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานสูง เช่น มีพันธุกรรม หรืออ้วนมากๆ และเจาะน้ำตาลในเลือดแล้วเริ่มมีอาการผิดปกติ มีความเสี่ยงสูงมากเลยที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต ถ้าเขาควบคุมตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ลดน้ำหนักตัว รับประทานอาหารให้เหมาะสมป้องกันโรคเบาหวานได้ 6 ใน 10 ราย เพราะฉะนั้น เพียงรู้และเข้าใจ เบาหวานป้องกันได้