ข่าวดีระดับชาติอีกแล้ว ! เมื่อมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยเป็น “บวก” จาก “เสถียรภาพ” พร้อมยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ของไทยที่ไม่มีหลักประกันอยู่ที่ Baa1 ซึ่งการปรับมุมมองเป็นเชิงบวกในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะหมดปี2563 แล้ว ปีที่หลายคนรวมถึงภาคธุรกิจต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกว่า... โอ้ มายก๊อด เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเจอ ทั้งไทย และทั่วโลก ถูกโควิด -19 พ่นพิษเข้าใส่อย่างแรง ทำให้เดินกันแบบโซซัดโซเซ บางรายล้มระเนระนาดล้มหายตายจากกันไป บางรายอยู่ในภาวะที่ต้องประคับประคองตัวเอง และธุรกิจเพื่อไปให้รอด เพราะเชื่อว่าฟ้าหลังย่อมมักสวยงามเสมอ เชื่อว่าจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
แม้ว่ารัฐบาลไทยจะพยายามใช้น้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์พรมให้เศรษฐกิจไทยฟื้นผ่านหลายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คืนชีพจากผีร้ายโควิด -19 ที่เล่นเอาให้ไปไม่เป็นท่า แต่หากมองดูช่วงนี้ปลายปีแล้วก็ถือว่าได้ผลบ้างแล้วผลพวงจากมาตรการต่าง ๆ ดีกว่าอย่างน้อย ๆ ไม่ทำอะไรเลย จนล่าสุดมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยเป็น “บวก” จาก “เสถียรภาพ” พร้อมยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ของไทยที่ไม่มีหลักประกันอยู่ที่ Baa1 ซึ่งการปรับมุมมองเป็นเชิงบวกในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี
ทั้งนี้การปรับเรทติ้งครั้งนี้ของมูดี้ส์ สะท้อนมุมมองเชิงบวกด้านการลงทุนและทุนมนุษย์ในไทยที่ปรับตัวดีขึ้นในสายตาของสถาบันจัดอันดับชั้นนำโลกแห่งนี้ ทั้งยังมองว่า ไทยมีบรรยากาศการดำเนินธุรกิจที่เอื้อให้เกิดการแข่งขัน นอกจากนี้ การปรับอันดับความน่าเชื่อตราสารหนี้ของไทยสู่ระดับที่ดีขึ้นของมูดี้ส์ ยังตอกย้ำให้เห็นว่าไทยสามารถตั้งรับปัจจัยจากภายนอกได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หรือผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และระหว่างสหรัฐกับประเทศคู้าต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามมูดี้ส์ ยังคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยว่าอยู่ที่ 3.0% ในปีนี้และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ในปีถัดไป ซึ่งอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับ A- และ BAA- ซึ่งมูดี้ส์ เชื่อว่าการการลงทุนที่มีประสิทธิภาพของเศรษฐกิจไทย จะสามารถช่วยพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจของไทยในระยะยาวได้
ไม่เพียงเท่านี้มูดี้ส์ ยังคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลของไทยว่าจะอยู่ที่ 3-5% ในปี 2562-2563 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น แต่ประเทศไทยจะยังคงรักษาอันดับอยู่ในระดับ A- และ BAA ซึ่งส่วนเกินภายนอกเหล่านี้ยังคงสนับสนุนการสร้างกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่แข็งแกร่งซึ่งมีมูลค่า 2.158 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 40% ของจีดีพีในเดือน มิ.ย.
สำหรับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยดีขึ้นของมูดี้ส์มีขึ้นหลังจากที่บริษัทจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับเพิ่มแนวโน้ม หรือมุมมองประเทศไทย รวมทั้งระบบการเงินของไทยและรัฐบาลใหม่ขึ้นเป็น “บวก” จากระดับ “เสถียรภาพ” โดยยังคงอัตราความน่าเชื่อถือที่ BBB+ แต่แนะให้จับตาการบริหารงานของรัฐบาลใหม่ในระยะ 1-2 ปี และการเติบโตของจีดีพี ซึ่งถือเป็นบวกต่อมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงทิศทางเงินทุนไหลเข้า