ย้อนรอยราคายางพาราไทย นายกฯ คนไหนปังสุด !

รู้หรือไม่ว่า ? การวัดดัชนีของเศรษฐกิจฐานรากวัดได้จากหลายองค์ประกอบ ไมว่าจะเป็นในเรื่องของปากท้องของผู้คน แต่มีหนึ่งองค์ประกอบหที่วัดได้เช่นกัน นั่นคือ เรื่องพืชผลทางการเกษตร หากปีไหนสินค้าเกษตรราคาดี แน่นอนว่าธุรกิจอื่น ๆ จะคักคึกตามกันไปแถวเพราะมีการจับจ่ายใช้สอยกัน

แน่นอนว่าหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย คือ ยางพารา หากปีไหนราคายางพาราพุ่งสูงก็จะส่งดีต่อเศรษฐกิจฐานรากเป็นอย่างมาก ทั้งนี้การที่ราคายางพาราจะสูงขึ้น หรือต่ำ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งในประเทศ นอกประเทศ รวมถึงความต้องการใช้ยางในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในตลาดโลก

หากโฟกัสแฉพาะในประเทศก็ยังคงต้องดูเรื่องสต็อกน้ำยางพาราในประเทศ รวมถึงผลิตที่ออกมาในแต่ละปี ปัญหาภัยแล้ง ความต้องการใช้ประเทศด้วย นอกจากนี้ยังรวมไปจนถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยด้วย มาถึงตอนนี้อยากจะบอกว่าราคายางพาราไทยผันผวนมาก วันนี้ “สปริงนิวส์ออนไลน์” จะพาไปส่องย้อนรอยราคายางพาราไทยว่ายุคไหนเป็นอย่างไรกัน ?

มาเริ่มกันที่ยุคของ นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นประมาณปีพศ. 2544 ราคายางพาราไทยน้ำยางสด อยู่ที่กิโลกรัมละ 20-25 บาท ซึ่งเป็นอีกช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างมาก ทำให้ท่านนายกถึงขึ้นออกปากพูดว่าให้โค่นต้นยางทิ้ง แล้วหันมาปลูกจำปาดะกันแทน ถึงอย่างไรก็ตามในตอนนั้นเกษตรกรชาวสวนยางก็ต้องก้มหน้ารับกับราคาที่เป็นอยู่โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ต่อมา คือ ยุคของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการทำ MOU กับประเทศผู้ผลิตในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพาราพร้อมมีการเจรจาความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย จนส่งผลให้ราคายางพาราพุ่งขึ้นแตะที่ระดับ 100 บาทต่อกิโลกรัม อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นด้วย

ถัดมาคือยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ราคายางพาราค่อนข้างมีความผันผวนสูงจากราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุด 36 บาทต่อกิโลกรัม เป็นผลจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จากนั้นราคายางปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลาย ๆ รัฐบาล จนราคาพุ่งขึ้นไปแตะสูงสุดเกือบ 120 บาทจ่อกิโลกรัม

จากนั้นก้าวเข้าสู่ยุคของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในช่วงแรกราคายางพาราอยู่ในช่วงขาขึ้นพุ่งขึ้นไปสูงถึงระดับ 180 บาทต่อกิโลกรัม ก่อนที่จะโดนพิษเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง เล่นงานระเนระนาดประกอบกับเป็นช่วงที่ค่าเงินคอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าทำให้กระชากราคายางลดลงมาเรื่อย ๆ จนมาอยู่ในระดับ 80 บาทต่อกิโลกรัม ถึงขั้นมีการประท้วงเรียกร้องราคายางที่ 120 บาทต่อกิโลกรัม

การเมืองเปลี่ยนไปหลายยุคหลายสมัยจนกระทั่งมาถึงยุคของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2557 – ปัจจุบัน ราคายางพาราร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องจนเกือบจะถึงจุดต่ำสุดที่ 3 กิโล 100 บาท ซึ่งปัจจัยที่กดดันมาจากปัญหาของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ แต่หากดูค่าเฉลี่ยรวม ๆ แล้วรัฐบาลชุดนี้ราคายางจะอยู่ที่ 47-80 บาท/กิโลกรัม

อย่างไรก็ตามในช่วงนี้เห็นทีว่าราคาน้ำยางสดจะกลับมาผันผวนหนักอีกแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยางพาราเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ราคาน้ำยางสดเหลือเพียงกิโลกรัมละ 47 บาท ส่วนราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ก็ลดลงเช่นเดียวกัน จากราคาสูงสุดที่ 82.80 บาท/กิโลกรัม ซึ่งหากมองดูดี ๆ ตอนนี้น้ำยางหล่นต่ำกว่าราคาประกันตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 2 กล่าวคือน้ำยางสด (DRC 100%) จะต้องได้ราคาประมาณ 57 บาท/กิโลกรัม

ต้องจับตากันดูต่อไปว่าทิศทางราคายางพาราจะเป็นอย่างไรจะมีแนวทางไหนบ้างที่ช่วยเกษตรกรได้ แต่อย่างที่กล่าวไปเบื้องต้นว่าราคายางพารามีหลายปัจจัยทั้งใน และต่างประเทศ ที่จะทำให้ขึ้นหรือลง ต้องลุ้นกันต่อไป !