นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่กว่า 2,000 คน ร่วมกันชุมนุมในรั้วมหาวิทยาลัย "#มอชองัดข้อเผด็จการ" พร้อมชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์จุดยืนทางการเมืองระหว่างเคารพธงชาติ ทหาร ตำรวจ สังเกตุการณ์เข้ม
วันที่ 24 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศาลาอ่างแก้ว ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ ได้ออกมาทำกิจกรรมการแสดงออกทางการเมือง โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า" #มอชองัดข้อเผด็จการ ใครไม่งัด มอชอของัด"
สำหรับบรรยากาศ ทุกคนที่จะเข้าร่วมกิจกรรม จะต้องผ่านจุดคัดกรองการตรวจวัดอุณหภูมิ และให้ทุกคนใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สวมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงทำกิจกรรมตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีกลุ่มนักศึกษาและอาจารย์ เข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จนแน่นศาลาอ่างแก้ว และบริเวณโดยรอบ มีการถือป้ายข้อความเป็นเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองต่างๆ พร้อมทั้งมีการจัดปราศรัยมีแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย
สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นได้เริ่มกิจกรรมด้วยการบรรเลงดนตรีจากช่างซอ จากนั้นมีการจัดกิจกรรมปราศัยเรื่อง การแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษา การศึกษา, การคุกคามสิทธิในโรงเรียน การทำลายสถาปัตยกรรมคณะราษฎร, โซตัสกับการศึกษาในมหาวิทยาลัย จากนั้นก็มีการแสดงดนตรี เมื่อจบแล้วก็ได้เริ่มการปราศรัยรอบที่สอง โดยพูดถึงเรื่องการกระจายอำนาจการเมืองท้องถิ่น, ปัญหาระบบสาธารณะในเชียงใหม่, งบประมาณแผ่นดิน, การสถาปนาหลักการกองทัพอยู่ใต้พลเรือนในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, ความเจ็บช้ำของเยาวชนจากการชุมนุม และกิจกรรมการแสดงดนตรี
อย่าไรก็ตามระหว่างการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ในช่วงเวลา 18.00 น. ได้มีการเปิดเพลงชาติเพื่อเคารพธงชาติ และมีการชู 3 นิ้วระหว่างเคารพธงชาติ นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายวัชรภัทร ธรรมจักร อายุ 22 ปี หนึ่งแกนนำในการชุมนุมทำกิจกรรมครั้งนี้ เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้หลักๆ แล้วจะเป็นการเรียกร้องข้อเรียกร้องเดิมที่ได้เสนอไปต่อรัฐบาล รวมถึงข้อเรียกร้องใหม่ที่จะมีเพิ่มขึ้นให้ท่วงทันสถานการณ์ โดยเฉพาะเงื่อนไขที่จะเพิ่มขึ้นมา และอีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงค้างอยู่ ที่จะมีระหว่างช่วงปราศรัย โดยหากดูจากงานในวันนี้จะแตกต่างจากการจัดกิจกรรมในครั้งก่อนๆ ที่จัดขึ้นที่ลานท่าแพ โดยจะมีการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 และการตรวจอุปกรณ์อาวุธ ซึ่งทำภายใต้เงื่อนไขของมหาวิทยาลัย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้คิดว่าเงื่อนไขดังกล่าวจะใช้ได้ทั้งหมด เช่นข้อที่มีการห้ามบุคคลภายนอกเข้ามา ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่สาธารณะ คนเสียภาษีก็คือประชาชน ไม่เฉพาะเพียงนักศึกษา และประกาศมหาวิทยาลัยที่เพิ่งออกมาล่าสุดคือ “ห้ามบุคคลภายนอกเข้า” ส่วนเรื่องของการเพิ่มมาตรการป้องกันนั้นตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ในส่วนของบุคคลและผู้เข้าร่วมงานในวันนี้นั้นตนก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากในเรื่องของสภาพปัจจัยที่มีผล เช่น พายุฝน แต่อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าการจัดกิจกรรมในวันนี้จะมีผู้เข้ามาร่วมมากพอสมควร โดยเฉพาะนักศึกษาเนื่องจาก Target หลักของการจัดกิจกรรมครั้งนี้เน้นที่นักศึกษา ข้อเรียกร้องส่วนใหญ่ หรือข้อเรียกร้องส่วนกลางนั้นจะเป็นในมุมของนักศึกษา โดยมีพื้นฐานเป็นประชาชน
นายวัชรภัทร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับสิ่งที่น่าเป็นห่วงในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องโรคระบาดหรือโรคโควิด-19 แต่เป็นภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นระหว่างการจัดงาน หรือหลังจากเลิกงานแล้ว เนื่องจากยังคงถูกเจ้าหน้าที่รัฐในการคุกคามต่างๆ ดังจะเห็นได้จากการจัดกิจกรรมช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา และมากกว่านั้นคือการใช้กลไกทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งสิ่งที่เค้าออกมานั้นมันอยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจรับรองไว้แล้ว ดังนั้นอย่างใช้กลไกกฎหมาย เช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน , พ.ร.บ.ชุมนุม , พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ มาปิดกั้นเสรีภาพของนักศึกษาและประชาชน
"ส่วนกิจกรรมหลักๆ ในวันนี้จะเป็นการปราศรัย จากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเยาวชน และรวมถึงส่วนแรงงาน โดยจะเน้นที่เยาวชนและไม่ได้มีแค่นักศึกษา แต่จะมีนักเรียนด้วย ซึ่งจะเห็นมิติที่หลากหลาย ผู้ชุมนุมจะมีมากขึ้นและไม่ซ้ำหน้า รวมไปถึงจะมีการปราศรัยข้อเรียกร้องและแถลงการณ์ที่จะมีในกิจกรรม โดยการชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการปิดกั้นไม่ว่าจะอยู่สีไหน ฝ่ายใด พรรคไหน ชอบกินของหวานหรือไม่ ก็สามารถเข้าร่วมได้ เพราะกิจกรรมครั้งนี้ที่จัดขึ้นเพื่อต้องการให้เกิดความร่วมมือร่วมกันสร้างสรรค์ระบบที่ควรจะเป็นเพื่อให้มันดียิ่งขึ้นและให้เกิดการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป" นายวัชรภัทร กล่าว