หมอธีระวัฒน์ ชี้ สถานการณ์ การระบาดของไวรัสโคโรน่า จากเมืองอู่ฮั่น ไม่สามารถคัดกรองได้ 100% ในเมืองไทยมีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อระหว่างคนไทยสู่คนไทยอย่างแน่นอน ต้องเตรียมแผนรับมือ เผยคุยกับกรมควบคุมโรค
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 63 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 จะระบาดภายในประเทศไทย จากคนไทยสู่คนไทยอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเนื่องจาก ไม่มีทางที่จะคัดกรองผู้ติดเชื้อเข้า-ออกประเทศได้อย่าง 100% และคาดว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่ในประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่เป็นข่าว อีกหลายราย
การคัดกรองในปัจจุบันในประเทศไทย ถือว่าทำเต็มขั้น และดีที่สุดแล้ว แต่ด้วยอาการของโรค หากติดเชื้อจะใช้เวลา 2-3 วัน กว่าจะเริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้ อาจจะมีผู้ติดเชื้อหลุดลอดเข้ามาได้
การระบาดโรคนี้ค่อนข้างง่าย เพราะติดต่อผ่านการหายใจ และการสัมผัสผ่านสารคัดหลั่งไม่ว่าจะเป็นฝอยละอองต่างๆ ที่มาจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ
ที่เป็นห่วงที่สุด คือบุคลากรต่างๆ ที่ทำงานในท่าอากาศยาน หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นผู้คัดกรองผู้ป่วยอาจ จะต้องดูแลเป็นพิเศษและแต่งกายให้มิดชิดต้องรวมคนจากหลายหน่วยงาน มาผลัดเปลี่ยนกัน
เวลานี้ในประเทศไทยเฝ้าระวังอยู่ว่าจะมีผู้เสียชีวิตหรือไม่ และอัตราการระบาดที่จะพบผู้ติดเชื้อจะมีเกิดขึ้นเป็นรายวัน โดยยังไม่มีทีท่าว่าโรคจะสงบลง
ลักษณะการดำเนินของโรคจะคล้ายๆกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คือทำให้เกิดปอดบวมอย่างรุนแรง ปัจจุบันนักวิจัยกำลังพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคดังกล่าวซึ่งจะมีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า
วิธีการป้องกันของประชาชนโดยทั่วไปคือกินอาหารสุกเท่านั้น ไม่กินอาหารดิบ และกินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย จะสามารถป้องกันการระบาดของโรคได้ในระดับหนึ่ง รวมไปถึงการใส่หน้ากากอนามัยในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
สำหรับเชื้อไวรัสตัวนี้เป็นไวรัสประเภท RNA ไวรัสที่มีการแปลรหัสพันธุกรรมเพื่อให้เข้ากับสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่จึงเป็นที่มาของการติดต่อจากสัตว์สู่คน และคนสู่คน
เมื่อเกิดการระบาด มาตรการคัดกรองอย่างเข้มข้นต่างๆแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ช่วยชะลอการระบาดออกไปได้ให้นานที่สุดซึ่งนานเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ได้มีการหารือกันระหว่างอธิบดีกรมควบคุมโรคและ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ให้เตรียมยาต้านไวรัสไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งยังไม่ขอระบุชื่อ ส่วนการรักษาโรคอาจรักษาตามอาการ เช่น หากมีอาการอักเสบกว่า ใช้ยาแก้อักเสบในการรักษาประคับประคอง แต่ยาแก้อักเสบก็จะทำให้ไปกดภูมิคุ้มกันในร่างกาย