เกิดเหตุ เพลิงไหม้อาคาร 4 ชั้น ย่านศาลเจ้าพ่อเสือ ส่งผลให้หญิงวัย 67 ปี ที่ป่วยติดเตียงหนีไม่ได้ ถูกไฟคลอกเสียชีวิต ตำรวจเร่งหาเพลิงไหม้
เมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 21 พ.ค.2562 ร.ต.อ.ขจรเดช ปทุมชาติ รอง สว.(สอบสวน) สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ ถนนบุญศิริ แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เกียรติ กาบบัว ผกก.สน.สำราญราษฎร์ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ อาสาสมัครมูลนิธิปอเต๊กตึ้ง และประสานรถน้ำดับเพลิง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 คัน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา โดยพบแสงเพลิงพวยพุ่งบริเวณตั้งแต่ชั้น2 ไปจนถึงชั้น4 ของบ้านเลขที่ 21/4 ทำให้ประชาชนที่พักอาศัยในละแวกนี้ต่างพากันหอบหิ้วข้าวของที่พอจะติดตัว วิ่งหนีตายออกมาจากบ้านพักจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงลากสายยาง ติดหัวฉีดระดมทำการฉีดน้ำ แต่ทว่าจุดเกิดเหตุเป็นลักษณะชุมชน ตลอดจนเป็นซอยคับแคบ จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หลังการสกัดกั้นเพลิงที่โหมกระหน่ำอยู่ประมาณ 40 นาที เจ้าหน้าที่ฯ จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้รับแจ้งอีกว่ายังมีผู้ติดค้างอยู่ภายในอาคาร จึงใช้ชุดผจญเพลิงเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ กระทั่งพบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นางรัตน์ หนุนทรัพย์ อายุ 67 ปี สภาพนอนหงายถูกไฟคลอกจนไม่สามารถจดจำได้ เสียชีวิตบนเตียงนอน ห้องนอนบนชั้น 4 ของอาคาร
จากการสอบสวนนายสุขสันต์ แสงจันทร์ ให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งจับกลุ่มกับเพื่อนอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร กระทั่งได้ยินเสียงดังขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นไปพบแสงเพลิงกำลังโหม จากนั้นก็ต่างช่วยกันดับเพลิงกระทั่งมีทางเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุ ต่อมาทราบว่าผู้ตาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า ยังอยู่บนห้องนอนชั้น 4 ตนจึงรีบวิ่งขึ้นไป แต่ทว่าระหว่างทางมีแท่งเหล็กหล่นมาใส่ตนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจกับการจากไปของป้า เพราะท่านป่วยเป็นโรคประจำตัวหลายโรค แต่ที่เป็นหนักที่สุดคือสายตามองไม่เห็นเนื่องจากดวงตาเป็นต้อกระจก ซึ่งปกติแล้วจะมีพี่ชายคอยดูแลแก แต่วันนี้ไม่อยู่
ส่วนด้าน นายบุญยง วริทธิสาร เพื่อนบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองนอนพักผ่อนอยู่ในห้องพักตึกข้างๆจุดเกิดเหตุ จู่ได้ยินเสียงดังคล้ายกับคนรื้อข้าวของจึงลุกขึ้นมาได้กลิ่นเหม็นไหม้ เมื่อเปิดหน้าต่างพบควันไฟจำนวนมาออกมาจากตึกข้างๆจึงวิ่งหนีตายลงมาด้านล้าง ทั้งนี้ตึกที่เกิดเหตุเจ้าของไม่ได้อาศัยอยู่ แต่ดัดแปลงโดยใช้ไม้อัดกั้นเป็นห้องปล่อยให้เช่า วันละ100บาท ส่วนด้านบนก็มีทั้งเศษไม้ และเศษผ้าที่ผู้อาศัยเอาไปเก็บไว้ ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้อาจจะเกิดจากไฟฟ้ารัดวงจร หรืออาจจะเกิดจากการมั่วสุ่ม เนื่องจากบางวันก็มีวัยรุ่นและกลุ่มคนที่อาศัยไปมั่วสุมเสพยาเสพติดกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.เกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นทางตำรวจจะนำโปลิศไลน์มาปิดกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้ ต้องให้เวลาทางเจ้าหน้าทำงานก่อน ส่วนแนวทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่า อาคารดังกล่าวดัดแปลงกั้นห้องให้บรรดาคนเก็บของเก่ามาเช่าพักอาศัย โดยวัสดุในจุดเกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นประเภทเศษไม้ เศษผ้า ทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โดยขณะนี้ทางตำรวจได้เชิญตัวนายยงยศ อู่เจริญโภคศิริ 64 ปี เจ้าของอาคาร ตลอดจนพยานแวดล้อมไปสอบปากคำที่ สน.สำราญราษฎร์ แล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน รวมทั้งแพทย์ สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ มาทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และศพผู้ตาย คาดว่าน่าจะเป็นในช่วงเช้านี้ เนื่องจากอาคารยังมีความร้อนอยู่ เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริง ก่อนมอบศพให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป