ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" ว่าจ้าง บ.เอกชน เก็บขยะขัดระเบียบ กระทรวงมหาดไทย ชี้ไม่พบเจตนาแฝงจงใจทุจริต
นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หรือ เอ๋ อายุ 50 ปี อดีตนายกเทศบาลนครสมุทรปราการ เดินทางมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายชนม์สวัสดิ์ และนางบารนี เลิศไพศาล อายุ 66 ปี อดีตปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ ฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล
จากกรณีที่จำเลยทั้งสอง ร่วมกันว่าจ้าง บริษัทเอกชน เพื่อดำเนินการเก็บขนขยะมูลฝอยและกวาดถนนในพื้นที่เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการตามสัญญาจ้างเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 2546 รวมระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยรับเงินค่าจ้างรายเดือน เดือนละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท ซึ่งการกำหนดรับเงินลักษณะนี้ ถือเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบเกินกว่า 1 ปีงบประมาณโดยมิชอบ เนื่องจากขัดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 ข้อ 38 เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งคดีนี้ ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 ต่อมาอัยการโจทย์ยื่นอุทธรณ์
เมื่อถึงศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว สรุปว่าศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคดีและพยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่า การที่จำเลยทั้ง 2 ทำความเห็นเกี่ยวกับข้อพิพาทในคดีนั้น ยังมองไม่เห็นเจตนาแฝงและยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาจงใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้น ศาลอุธรณ์ฯ เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้วเสร็จ นายชนม์สวัสดิ์ ได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด