ผบ.ตร.นำทีมวิสามัญ "กอล์ฟ" ปล้นรถขนเงิน หลังขัดขืนการจับกุมหลบหนีและยิงสู้ตำรวจ 4 นัด เบื้องต้นพบเงินสดประมาณ 300,000 บาท
เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 4 มี.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น., พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9, พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเข้าทำการวิสามัญฆาตกรรม นายทักษ์ดนัย หรือ กอล์ฟ เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลตลิ่งชัน ที่ จ.79/2562 ลงวันที่ 27 ก.พ.62 ในข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธ ขู่เข็ญเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป
โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน ซึ่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ เงินสด 7.2 ล้านบาท จากพนักงานรถขนเงิน BRINKS เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวขัดขืนการเข้าจับกุมยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เหตุเกิดริมพงหญ้ากลางซอยทวีวัฒนา 1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม.
ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้สืบทราบแหล่งกบดานของ นายดนัย ว่า หลังชิงทรัพย์รถขนเงินแล้ว เจ้าตัวยังวนเวียนกบดานอยู่ในย่านพุทธมณฑล สาย 3 และ พุทธมณฑล สาย 4 โดยในเมื่อคืนที่ผ่านมานี้ นายดนัย ยังคงนัดเจอกับเพื่อนฝูงที่โต๊ะสนุกเกอร์ปากซอยทวีวัฒนา 1 เมื่อเจ้าหน้าที่มาพบตัวเพื่อเข้าจับกุมปรากฏว่า นายดนัย กลับขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน 7 กต 5952 กรุงเทพมหานคร หลบหนีเข้าไปในซอยทวีวัฒนา 1 จะมุ่งหน้าไปทางพุทธมณฑล สาย 4
ระหว่างทาง นายดนัย เห็นจวนตัวเนื่องจากพบรถตำรวจปิดเส้นทางเอาไว้ จึงทิ้งรถ จยย.จะหลบหนีเข้าพงหญ้า ตำรวจจึงวิ่งตาม แต่แทนที่ นายดนัย จะหยุดกลับชักอาวุธปืนลูกโม่ ยังไม่ทราบขนาด ยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อนทันที 4 นัด จากนั้น ตำรวจจำเป็นต้องยิงสวนเพื่อป้องกันตัว กระสุนถูกกลางอก 2 นัด ล้มฟุบก่อนขาดใจทันที เบื้องต้นพบเงินสดประมาณ 300,000 บาท ในกระเป๋าสะพานสีน้ำตาลใต้เบาะ รถ จยย.ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานพนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน อัยการ และแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ร่วมตรวจสอบ.