ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
ภายใต้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ยังมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง หลังการเลือกตั้งเริ่มมีความชัดเจน กลุ่มการเมืองได้รับการอนุญาตให้หาเสียงได้ พูดจาปราศรัยได้ จึงเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ว่าต่างต้องอกมาทยอยขายฝัน วาดนโยบาย ให้ประชาชนได้รับฟัง หนึ่งในนโยบายขายฝัน หนีไม่พ้นที่ต้องไปแตะเรื่องของกองทัพที่เหมือนเป็นดินแดนลึกลับ ยากแก่การเข้าถึง
แต่แรกเริ่มเดิมทีเมื่อปีที่ผ่านมา การเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกนักการเมืองหยิบยกมาพูดถึงในการหาเสียงโดยตลอด พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องแนวทางการเกณฑ์ทหาร หลังเจ้าตัวเพิ่งปลดประจำการออกมาแล้วมุ่งหน้าสู่ถนนการเมือง พรรคอนาคตใหม่ ก็มีประเด็นเรื่องดังกล่าวมาเอ่ยถึงในการทำงานการเมืองด้วยเช่นกัน โดยจัดทำเป็นลักษณะโพลสอบถามความเห็นประชาชนเรื่องการเปลี่ยนแนวทางการเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจแทน และลดกำลังพลประจำการลงครึ่งหนึ่งลดจำนวนนายพลจากปัจจุบัน 1600 นาย เหลือเพียง 400 นายผลปรากฎออกมาว่าในจำนวนผู้ร่วมโหวต 81,000 คน 92% สนับสนุนให้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
กระทั่งมาถึงคราวพรรคเพื่อไทย เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เสนอไอเดียสู่สังคมเรื่องการเสนอตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10% หรือประมาณ 2หมื่นล้านบาทต่อปี เพื่อนำมาใช้พัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่ สร้างกองทุนคนเปลี่ยนงานเพื่อสร้างทักษะโลกใหม่ ไม่ให้คนตกงาน รวมถึงนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารพ่วงท้ายมาอีก
มันมาเป็นเรื่องก็ตอนที่สื่อมวลชนไปถามเอาความคิดเห็นในเรื่องนี้จากผู้นำทางทหารของประเทศไทย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่มีต่อเรื่องนี้ วาทะร้อนจึงบังเกิดอีกครั้ง ว่าให้ไปฟังเพลง หนักแผ่นดิน
แต่หากจะพูดถึงวาทะร้อนแรงของ ผบ.ทบ.ที่มีต่อภาคการเมืองนั้น คงย้อนไปได้ตั้งแต่ต้นปี เมื่อเดือน มกราคม ที่ผ่านมา วันที่ 15 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.อภิรัชต์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนบางช่วงบางตอนว่า
“ตนไม่เคยบอกว่ามีทัศนคติที่ไม่ดี แต่ตนมีทัศนคติดี ต้องกลับไปถามว่าตนมีประสบการณ์อยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมมาหลายปี เพราะฉะนั้นตนพอที่จะอ่านเกมออก เขาอยากจะพูดอะไรถือเป็นสิทธิ ตนคงไม่ไปโต้ตอบและจะทำหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงอย่างตรงไปตรงมา พร้อมปฏิบัติทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา หากทุกคนไม่ล้ำเส้นอยู่ในกรอบในระบอบประชาธิปไตยก็ไม่ว่ากัน”
นั่นเป็นครั้งแรกที่คำว่า อย่าล้ำเส้น ถูกเอ่ยออกมาจากผู้นำทางทหารของประเทศ
ถัดมาวันที่ 13 ก.พ. 2562 ให้หลังมาได้ 1เดือน ก่อนวันแห่งความรัก 14 ก.พ. พล.อ.อภิรัชต์ ปรากฎตัวครั้งแรกต่อสื่อมวลชน ในการเป็นประธาน แถลงข่าวการแข่งขันชกมวย ALL STAR FIGHT ARMY WORLD SOLDIER ที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังจากมีการเผยแพร่คำสั่งปลอมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 2/25662 ในโซเซียลมีเดีย ระบุให้ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงผู้นำเหล่าทัพ พ้นจากตำแหน่ง
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการรัฐประหาร ว่า ข่าวลือก็เป็นข่าวลือ เชื่อว่าเกิดจากกลุ่มคนเดิมๆ ที่พยายามสร้างกระแส ให้เชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง ขอความร่วมมือประชาชนมีวิจารณญาณ อย่าตื่นกระหนก พร้อมยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล ว่า กองทัพวางตัวเป็นกลาง จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน แต่ขออย่าล้ำเส้นกัน..
ครั้งที่สอง ที่คำว่า อย่าล้ำเส้น ถูกเอ่ยจากปากผู้นำทางทหารของประเทศ
ลำพังเพียงสองครั้งแรก สื่อมวลชนก็สะกิดใจกับความร้อนรุ่มของวาทะที่ปรากฎมาจากปาก ผบ.ทบ.มากแล้ว แต่มาวันนี้ วันที่ 18 ก.พ. 2562 คำว่า อย่าลำเส้น ถูก ยกระดับขึ้นเป็น หนักแผ่นดิน ถือเป็นวาทะโยงใยซีกการเมือง ที่ดูจะมีความร้อนแรงเพิ่มมากขึ้นไปทุกที....