ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยืนยัน การเสียชีวิตของอดีตปลัด พม. ไม่กระทบการทำคดีโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง เพราะมีหลักฐานชัดเจน
ภายหลังการประชุม คณะทำงานคดีทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อหารือแนวทางคดี หลังนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เสียชีวิต พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เป็นการวางกรอบแนวทางการสืบสวนสอบสวนการทุจริตในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 26 พื้นที่ ที่มีพยานหลักฐานชัดเจนสามารถดำเนินคดีฐานฟอกเงินได้ แต่หากพบพยานหลักฐานที่เพิ่มเติมในพื้นที่อื่น ก็จะดำเนินการด้วย
โดยเบื้องต้น ปปง. ยึดทรัพย์สินไปแล้วกว่า 40 รายการ ส่วนการเสียชีวิตของอดีตปลัด พม. ก็ส่งผลให้คดีอาญา ของบุคคลดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ส่วนคดีแพ่ง ปปง. จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกทรัพย์สินคืน
ซึ่ง พล.ต.ต.กมล ยืนยัน ไม่กระทบกับรูปคดี เนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆ ยังคงอยู่ และผู้ถูกดำเนินคดีที่เหลือก็ยังต้องรับโทษ โดยทราบว่าคดีนี้ยังไม่พบการทำลายพยานหลักฐาน และข้อมูลทรัพย์สินยังไม่พบถูกนำออกไปนอกประเทศ
ด้าน นายวิทยา นีติธรรม เลขานุการกรม สำนักงาน ปปง. กล่าวว่ากระบวนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ อดีตปลัด พม. ว่าถูกโอนย้ายไปให้บุคคลใด ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นพบ มีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เครือญาติและผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ซึ่งในส่วนนี้รวมถึงนางสาววาสนา ตะเภาพงษ์ ภรรยาที่อยู่ในวันเสียชีวิตด้วย จากการตรวจสอบพบว่านางสาววาสนา รับมอบทรัพย์สินในรูปแบบของรถยนต์และเงินสด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเงินที่ได้จากการทุจริตในลอต 88 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีเจ้าของทรัพย์สินบางส่วนในคดี ทยอยนำทรัพย์สิน อาทิ รถยนต์ 5 คัน ที่ดิน และเงินสด มามอบให้ ปปง. แล้ว โดยเจ้าของทรัพย์สินจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ