ล่ากันจัง ถ้า 5 สายพันธุ์นักล่าที่เก่งกาจที่สุดบนโลกนี้ยังอยู่ เช่น เมกาโลดอน ยังจะล่ากันอยู่ไหม หรือ “มนุษย์” จะเป็นผู้ถูกล่าแทน
ปัจจุบันสัตว์นักล่า กลับกลายเป็นผู้ถูกล่าด้วยฝีมือมนุษย์ไปเสียแล้ว แต่ลองคิดดูสิว่าหากเหล่า “สัตว์ยักษ์” ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ยังไม่สูญพันธุ์ละ มนุษย์จะเป็นฝ่ายถูกล่าหรือไม่
บอกได้เลยว่าหากสายพันธุ์เหล่านั้น ไม่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว “มนุษย์” คงไม่ได้ชื่อว่านักล่าที่เก่งกาจที่สุดบนโลก วันนี้เลยยกมา 5 สายพันธุ์ยักษ์ที่ “โชคดีที่สูญพันธุ์” ไม่อย่างนั้น “มนุษย์” คงไม่สามารถทำอะไรได้หลายอย่างเหมือนปัจจุบัน
เป็นจระเข้ที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงสุด ด้วยขาที่ยาวและสามารถเหยียดตรงเหมือนยืนขึ้นได้ ทำให้สามารถวิ่งได้เร็วกว่าคน (ว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน) เข้าตำรา “นักล่า” ที่น่ากลัวที่สุดชนิดหนึ่งเลย มันอาศัยอยู่ในโลกเมื่อ 100 ล้านปีที่แล้ว ก่อนจะสูญพันธุ์ไปหลังผ่านเข้าสู่ยุคหิน สำหรับขนาดตัวของมัน ใหญ่ตามอายุ แต่ลองคิดเพียงแค่ส่วนหัวที่มีความยาว 1 เมตร ก็จระเข้ยักษ์ดีๆนี่เอง
ญาติของ “ฉลามขาว” ที่อาศัยอยู่ใต้ทะเลโลกเมื่อ 12,000 ปีก่อน ขนาดของมันอยู่ที่ 20-25 เมตร น้ำหนัก 20-45 ตัน และมันสามารถอาปากได้กว้างถึง 3 เมตร “เมกาโลดอน” กินวาฬ และสัตว์ใหญ่เป็นอาหาร แต่มีการสันนิษฐานว่า มันสูญพันธุ์จากสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ “วาฬ” ที่เป็นอาหารหลักของมัน ย้ายถิ่นฐานจากทะเลเขตร้อน เข้าสู่เขตหนาวใกล้ขั่วโลก แน่นอนหากมันยังไม่สูญพันธุ์ มนุษย์คงไม่สามารถเดินเรือได้อย่างสบายใจ
ถูกยกให้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกินเนื้อที่ใหญ่ที่สุด อาศัยอยู่ในช่วง 32-60 ล้านปีก่อน แพร่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วหลังไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ฉลาดและออกล่าเป็นฝูง เหมือนฮายีน่าในปัจจุบัน จนถูกขนานนามว่า “ฝันร้ายของยุคดึกดำบรรพ์”
ถูกค้นพบซากที่ประเทศจีน ,อินเดีย และเวียดนาม ด้วยความสูงถึง 3 เมตร หนักถึง 550 กิโลกรัม สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศของเอเชียได้เป็นอย่างดี แต่มันก็ต้องยอมแพ้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง จนสูญพันธุ์ไปเมื่อ 3 แสนปีที่แล้ว
งูไร้พิษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูญพันธุ์เมื่อ 58-60 ล้านปีก่อน มีรูปร่าง ,ลักษณะและพฤติกรรมคล้ายกับงู “อนาคอนด้า” อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกากลาง ความยาวเฉลี่ย 13-15 เมตร หนักถึง 2 ตัน บอกเลยว่ามันใหญ่กว่ารถบัส