แอมเนสตีชี้กลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาสังหารชาวฮินดูในเมียนมา

รายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล เปิดเผยว่า พบหลักฐานว่ากองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรือ กลุ่มติดอาวุธอาร์ซา ได้สังหารพลเมืองชาวฮินดูทั้งหมด 99 ราย เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี2017  โดยการสังหารเกิดขึ้นที่เมืองเมาง์ดอและเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับวันที่กลุ่มติดอาวุธอาร์ซาก่อเหตุโจมตีด่านและสถานีตำรวจกว่า 30 จุดในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตโรฮิงญา ที่ทำให้มีชาวโรฮิงญาเกือบ 7 แสนคนต้องอพยพหนีตายข้ามฝั่งไปบังกลาเทศ

ด้านนางทิรานา ฮาซซาน ผู้อำนวยการด้านการตอบสนองต่อวิกฤติขององค์การนิรโทษกรรมสากล กล่าวว่า ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการสังหารจะต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดี  การหาผู้รับผิดชอบต่อความทารุณโหดร้ายนี้เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกับการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในรัฐยะไข่ที่กระทำโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมียนมา

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้รอดชีวิตและพยานในเหตุการณ์ พบว่า กลุ่มติดอาวุธอาร์ซาก่อเหตุสังหารจริง โดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ  หลายรายเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี โดยผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ระบุว่าพวกเขาถูกไว้ชีวิตเพราะสัญญาว่าจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม

ก่อนหน้านี้ กองทัพเมียนมา กล่าวหากลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาว่าฆ่าพลเรือนชาวฮินดู  แต่กลุ่มติดอาวุธได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า สมาชิกหรือผู้ต่อสู้ของกลุ่มไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นการฆาตกรรม, การทารุณกรรมทางเพศ หรือ การบังคับใช้แรงงาน