ทำไมต้อง “ป้ายกูลิโกะ” ย้อนดูป้ายทุกรุ่นหน้าตาเป็นอย่างไร

ทำไมไปที่ Osaka แล้วต้องถ่ายรูปชูมือกับป้ายกูลิโกะ?
ก็นั้นสินะ เฟรมพยายามหาคำตอบแต่มันก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำไม แต่มันเหมือนอยู่ในบรีฟที่ต้องทำ เพื่อเช็คอินว่าฉันมาถึง Osaka แล้วนะ จนป้ายไฟป้ายนี้ก็ถูกยกให้เป็นป้ายโฆษณาที่ถูกนักท่องเที่ยวถ่ายรูปด้วยมากที่สุดอีกหนึ่งแห่งเลยหละ 

แต่ทราบหรือไม่ว่า ป้ายนี้ก่อนจะเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุคนแล้วนะ 
มาไล่เรียงกันดีกว่า ว่าใครทันรุ่นไหนบ้าง 

รุ่นแรกปี 1935 มีรูปกางแขนคล้ายๆปัจจุบัน อยู่บนยอดแท่งแหลมๆ ช่วงฐานมีไฟกระพริบ ซึ่งแปลกใหม่มากในยุคนั้น แต่ต้องปลดลงในปี 1943 เพราะอยู่ในช่วสงครามโลกครั้งที่สอง (เป้าใหญ่ไปหน่อย) 

รุ่นที่ 2 ปี 1955 กูลิโกะแมน กลับมากางแขนอีกครั้ง แต่เล็กลงมาก เพราะหลังสงครามเงินทองหายาก และรุ่นนี้มีจรเข้นั่งเล่นเปียโนที่ฐานด้วย เล่าว่าบางครั้งก็มีการแสดงมหรสพจริงๆที่เวทีข้างล่างนี้ 

รุ่นที่ 3 ปี 1963 เริ่มเป็นยุคแห่งป้ายไฟนีออน มีจุดเด่นคือมีน้ำพุพุ่งออกมา และเริ่มแปะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของ กูลิโกะเองด้วย

รุ่นที่ 4 ปี 1972 เป็นรุ่นที่เริ่มมีพื้นหลังเป็นลู่วิ่ง มีการตกแต่งไฟ effact ให้พื้นหลังกระพริบได้ หลังจากนั้นป้าย กูลิโกะก็ถูกปลดลงนาน 2 ปี เพราะมีการซ่อมแซมตึกด้านหลัง

รุ่นที่ 5 ปี 1998 เป็นรุ่นที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปทำให้ป้ายนี้เริ่มดัง โดยรุ่นนี้คือจุดเริ่มต้นของภาพจำในปัจจุบัน มีกูลิโกะแมนที่ชูมือวิ่งเข้าเส้นชัย มีพระอาทิตย์สีแดงเป็นฉากหลัง และมีที่เที่ยวดังอีก 4 ที่ คือ ปราสาทโอซาก้า, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง, โอซาก้าโดม และหอคอยซึเทนคาคุ

ปัจจุบันป้ายไฟกูลิโกะเป็นรุ่นที่ 6 เปิดตัวไปเมื่อ 23 ตุลาคม 2014 ตอนติดตั้งใหม่ๆ สร้างความฮือฮามาก เพราะเจ้ากูลิโกะแมน เปลี่ยนฉากหลังได้โดยวิ่งไปสถานที่ดังทั่วโลก ! ประเทศไทยก็มี เฟรมจำได้ว่า เฟรมมีโอกาสได้เห็นช่วงปี 2015 ต้องยืนรอการเปลี่ยนฉาก แต่สุดท้ายก็รอถ่ายกับสีฟ้าที่เป็น ออริจินัล 

แต่ 2 รอบล่าสุดที่เฟรมไปมาคือ เดือน กรกฏาคม 2023 และ เดือนมกราคม 2024 ที่เฟรมเพิ่งไปมา ก็พยายามยืนดูว่าจะมีการเปลี่ยนพื้นหลังไหม ก็ยังไม่เห็นเลยค่ะ เห็นเป็นแค่พื้นลู่วิ่งสีฟ้าเท่านั้น

ทุกคนสามารถติดตามการเดินทางครั้งต่อไปของเฟรมได้ที่นี่ Lifestyle Spring หรือทักทายกันได้ที่ IG:famframe
“พิธีกรที่หลงรักการเดินทาง เพื่อพบเจอ พูดคุย และได้ใช้กล้องที่รักเวลาออกทริป” by famframe