กระเป๋าเดินทางหาย ทำไงดี เหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดกับคุณ สายเที่ยว สายเดินทางแบบที่บินยิ่งกว่านก อาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าสักวัน (ไม่ได้แช่ง) แค่บอกให้ระวังกันไว้
การเดินทางด้วยสายการบินเราก็คงจะรู้สึกห่วงกระเป๋ากันบ้างหากต้องโหลดใต้เครื่อง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ากระเป๋าเราจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ถ้าเราถึงที่หมายแล้ว ถ้ากระเป๋าเราไม่มาหละจะทำอย่างไรดี เพราะฉะนั้นมาป้องกันกันไว้ก่อนดีกว่านะคะ
เช็คลิสต์กันสักนิด เมื่อคิดจะโหลดกระเป๋าเดินทาง
- ไม่ว่าจะเช็กอินกับพนักงาน หรือตู้อัตโนมัติ ต้องได้รับแท็กกระเป๋า เท่ากับจำนวนกระเป๋าที่เราโหลดทุกครั้ง (บางครั้ง จนท. จะแปะมากับพาสปอร์ต หรือ บอร์ดดิ้งพาส ต้องเช็กให้ละเอียด)
- ต้องมีป้ายชื่อติดหูกระเป๋า ระบุชื่อที่อยู่ของเราเป็นภาษาอังกฤษ (อย่าลืมแกะของเก่าออกก่อน)
- ล็อกกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนโหลดเข้าระบบ ถึงแม้บางสนามบินอาจจะสุ่มตรวจกระเป๋าเราก็เป็นได้
- หากมีแถบบาร์โค้ดจากการเดินทางครั้งก่อน ให้แกะออกให้หมด จะได้ไม่สับสน (หลายคนมองข้ามข้อนี้แปะเต็มกระเป๋า ซึ่งนั่นไม่ดีแน่ๆ)
- จำลักษณะกระเป๋า และจุดสังเกตได้ของกระเป๋าเราเอาไว้ หรือถ่ายรูปเก็บไว้ได้ยิ่งดี
- อย่าเก็บทุกอย่างไว้ในกระเป๋าโหลด เอกสารสำคัญควรติดตัวไว้ เช่น แพลนการเดินทาง หลักฐานการจองต่างๆเช่นที่พัก หหรือรถเช่า
สาเหตุของกระเป๋าหายหลักๆ มี 3 ข้อ
1.กระเป๋าไม่ได้ถูกเช็คอิน ข้อนี้แหละที่เราย้ำว่าต้องมี TAG กระเป๋าใบละ 1 อัน ตามจำนวน
2.กระเป๋าถูกส่งไปผิดที่ มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการต่อเครื่อง เปลี่ยนเครื่อง หรือเปลี่ยนสายการบิน ซึ่ง กรณีนี้ถ้าเรามีแท็กกระเป๋าสามารถตามได้ไม่ยาก
3.กระเป๋าถูกขโมย ก็แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ 1. หยิบผิด อันนี้ตามได้ไม่ยากเพราะมี TAG กระเป๋า 2.โดนขโมยจริง ข้อนี้ต้องทำใจไว้ก่อนเลยอาจจะได้คืนมาแบบของไม่ครบ แต่หลักฐานแท็กกระเป๋าที่อยู่กับเราจะสามารถใช้ในการเรียกค่าเสียหายจากทางสายการบินได้ ตามอัตราที่แต่ละสายการบินกำหนด
รู้ว่ากระเป๋าเราหายไปแน่ๆ ก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
1. ให้ แจ้งเรื่องที่เคาน์เตอร์ Lost & Found หรือแจ้งกับเคาน์เตอร์ของสายการบินที่เราใช้บริการ
2. แสดงหมายเลข tag ติดกระเป๋าพร้อมรูปกระเป๋า (หากมี) พร้อมตั๋วเดินทาง และพาสปอร์ตเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตัว ยีนยันความเป็นเจ้าของ
3. ทางสายการบินจะออก PIR (Property Irregularity Report) ให้ ในนั้นจะมีหมายเลข reference number ซึ่งสำคัญมาก (ถ้ากลัวหายถ่ายรูปไว้) เพราะทางเจ้าหน้าที่จะใช้เลขนี้ดึงข้อมูลจากในระบบได้ ตัวอย่างของ reference number จะมีเหมือนกันทั่วโลกคือ STATION/AIRLINE/Case number
เราก็รอต่อไปว่าเราจะได้คืนหรือไม่ แต่ทางสายการบินจะมีระยะเวลาที่ตามหากระเป๋ษเพียง 21 วันเท่านั้น หลังจากนั้นทางสายการบินจะถือว่ากระเป๋าใบนั้นได้สูญหายจริง และจะดำเนินเรื่องชดใช้ค่าเสียหายให้และแน่นอนเขาจะตีราคาออกมาต่ำกว่าราคาจริง ซึ่งเค้าถือว่าเป็นของที่ใช้แล้ว แต่ถ้าคุณเพิ่งไป Shopping มา ก็นำใบเสร็จไปแสดงว่ามีอะไรบ้างมูลค่าเท่าไหร่ แต่ก็มันจะได้น้อยกว่าความเป็นจริง
หลายคนจึงมักจะซื้อประกันกระเป๋าสูญหายเผื่อไว้ หรือช่วงหลังหลายๆคนก็นิยมซื้อ Air tag หย่อนใส่ไว้เลย สรุปหายหมดรวมถึง Air tag ด้วย แบบี้ก็ไม่เอานะคะ