SHORT CUT
วันหยุดนี้ คิดรึยังว่าจะไปเที่ยวไหนดี สปริงขอพาทุกคนเที่ยวงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 42 งานที่ยก 5 ภาคของไทยมาไว้ในงานเดียว ทั้งอาหารเลิศรส เสื้อผ้า สินค้าจากชุมชน รวมถึงมี workshop แถมได้ดูแลเอาใจใส่โลกไปพร้อม ๆ กัน
สุดสัปดาห์นี้ มีแพลนไปเที่ยวไหนบ้างหรือยัง สปริงขอชวนทุกคนไปเที่ยว “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 42” เป็นงานที่รวบรวมทั้ง 5 ภาคของประเทศไทยมาไว้ในงานเดียว
อยากไปเที่ยวจังหวัดนั้นจังเลย จังหวัดนี้ก็อยากไปนะ แต่ติดงาน หรือไม่มีเวลาไป เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวทิพย์สุด ๆ เพราะงานนี้ขนทัพมาให้คุณแล้วแบบครบจบ
ทั้งเสื้อผ้า สินค้า งานคราฟต์จากชุมชน หรืออาหารเลิศรส อาทิ โรตีมะตะบะ ไก่ย่างเขาสวนกวาง แคปหมูน้ำพริกอ่อง หมู่ย่างเมืองตรัง กาแฟสูตรเด็ด หรือขนมหวานก็ไม่พร่อง
งานจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. - 1 เม.ย. 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ชั้น G ฮอล์ 1 - 4
สปริงรวมมาให้แล้ว 6 ไฮไลต์เด่นของงาน ที่น่าจะถูกใจสายชอบเที่ยวทิพย์อย่างแน่นอน ว่าแล้วไปดูกันเลย
คงถูกอกถูกใจคนชอบเที่ยวทิพย์แน่ ๆ เพราะททท.จำลองบรรยากาศของ 5 ภาคมาได้อย่างหมดจด แลนด์มาร์กสำคัญ อาหารพื้นถิ่น ร้านขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
สำหรับใครที่ก้าวเข้าไปที่งานคงต้องคิดหนักสักหน่อย ว่าจะเลือกเดินไปที่ไหนก่อนดี หันซ้ายก็เจออาหาร หันขวาก็เจอร้านค้าชุมชน แต่ภาพรวม กลับจากงาน อิ่มใจแบบไม่ทิพย์แน่นอน
พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง
ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่
หอนาฬิกาเบตง จ.ยะลา
ผีตาโขน
งานวัด บ้านผีสิง
กำแพงวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี
เรื่องของโอ่ง จ.ราชบุรี
หน้าร้านเรียงรายไปด้วยโอ่งใบเล็ก ซึ่งถือเป็นของดีขึ้นอย่างหนึ่งประจำจังหวัดราชบุรี นอกจากนี้ อย่างน้อมรับเทรนด์ซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการผลิตกางเกงโอ่ง จ.ราชบุรี มาวางขายด้วย “ชาวราชรี” ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
BananaBlood จ.ราชบุรี
แบรนด์ที่เสริมลวดลายเสื้อผ้าด้วยยางจากหัวปลี ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์ว่า “ธรรมชาติหล่อเลี้ยงชีวิต ก่อเกิดความคิดสร้างสรรค์” มีขายตั้งแต่เสื้อผ้า กางเกง ผ้าพันคอ ผ้าปูโต๊ะ และย้ำว่าทุกมือทุกชิ้น สวย น่ารัก และถือเป็นการนำธรรมชาติมาปรับเข้ากับเสื้อผ้าได้อย่างงดงาม
ดอยสเตอร์ จ.แม่ฮ่องสอน เสื้อผ้าชาวพื้นถิ่น
มีสุขฟาร์ม (Mesook Farm) จ. ระนอง เครื่องหอม
บ้านใบลานทอง จ.ปราจีนบุรี
เบญจรงค์บางช้าง จ.สมุทรสงคราม
แฟนต้าหินนำโชค กรุงเทพมหานคร
หากจะเรียกว่านี่คือไฮไลต์เด่นของงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เดินไม่ถึง 5 ก้าวคุณก็จะพบกับของกินละลานตาไปหมด สำหรับใครที่คิดถึงอาหารที่บ้าน ที่ไม่ใช่ “รสกรุงเทพฯ” คุณมาจากเหล่ากอใดสามารถเดินไปที่หมู่บ้านนั้นได้เลย แหงนมองป้ายหมู่บ้านด้านบนแล้วพุ่งไปโลด
หรือสำหรับคนที่ไม่เคยรับประทานอาหารจากท้องถิ่นอื่น ๆ มาก่อน เช่น หมูย่างเมืองตรัง จากภาคใต้ น้ำพริกอ่องจากภาคเหนือ หรือไก่ย่างเขาสวนกวาง จากภาคอีสาน โอกาสที่คุณจะได้ลิ้มลองมาถึงแล้ว หรือจะตระเวนชิมครบทุกภาคเลยยังได้
อย่างที่บอกไปว่า หากคุณมาที่งานนี้ เหมือนคุณได้ไปเที่ยวทั่วไทยจริง ๆ เพลิดเพลินไปกับแลนด์มาร์กเด่น ๆ แล้ว ช้อปปิ้งสินค้าคิวท์ ๆ จากชุมชน หรือแวะพักหาอะไรลงท้องเรียบร้อย อีกหนึ่งไฮไลค์ที่คุณพลาดไม่ได้เด็ดขาดคือ เทคโนโลยีเที่ยวทิพย์
VR Dome
วิธีง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แค่เข้าไปอยู่ด้านใน ภายในจะฉายภาพบรรยากาศ ประสบการณ์ การท่องเที่ยวจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยแบบ 360 องศา
แว่นตาวิเศษ คอนเซปต์คล้ายกับ Vision Pro ของ Apple เมื่อสวมใส่แว่นเข้าไป คุณจะถูกวาร์ปพาไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วไทย นั่งอยู่ร้านชาชักที่ภาคใต้ นั่งอยู่ร้านก๊วยเตี๋ยว หรือไปรับชมประเพณีต่าง ๆ ยังกับเราอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
แหล่งเวิร์กช็อปส่วนใหญ่ในงานเที่ยวเมืองไทยอยู่ที่หมู่บ้านภาคตะวันออก มีตั้งแต่เวิร์กช็อปวาดรูปบนแคนวาส วาดรูปบนกระดาษรีไซเคิล รวมถึงจัดสวนในกระถาง แต่นอกหมู่บ้านนี้แล้ว ก็ยังเจอเวิร์กช็อปอื่น ๆ ได้ อาทิ การทำแม่พิมพ์ดินสอพอง ปั้นลิงจากดิน ร้อยหิน ปั้นหุ่น
เศษอาหาร ถุงพลาสติก หลอด ไม้ลูกชิ้น และอีกหลากหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในงานจำนานมาก หากไม่มีระบบคัดแยกขยะที่ดี จะน่าปวดหัวมาก ดังนั้น เทศกาลเที่ยวเมืองไทยจึงติดตั้งถังขยะไว้ให้ 5 ประเภท ขวด/กระป๋อง, ขวดพลาสติก, ทั่วไป, เศษอาหาร, แก้วพลาสติก และถังไว้สำหรับเทน้ำหรือน้ำแข็ง
นอกจากนี้ หากใครซื้อน้ำดื่มในงาน แล้วไม่อยากนำขวดไปทิ้ง สามารถนำไปให้กับบูธของปตท.ได้ โดยฝาขวดจะถูกคัดลงเครื่องหลอม และนำไปรีไซเคิลเป็นของชิ้นใหม่ อย่างที่เห็นนี้คือที่เปิดฝาขวด แต่ต้องตอบคำถามให้ถูกก่อนนะ คำถามง่ายมาก ให้หมุนขยะให้ตรงกับประเภทที่กำหนดไว้ โดยจะมีการจับเวลา บอกเลยว่า สบายปรื๋อ...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง