นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีการรณรงค์ให้ประชาชนแยกขยะอย่างจริงจัง เพื่อลดการส่งขยะไปยังหลุมฝังกลบ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเปิดเผยให้ทุกคนได้ทราบว่า ขยะที่พวกเขาตั้งใจแยกลงถังเพื่อรีไซเคิลนั้น จะมีปลายทางที่ไหนกันแน่
ในแต่ละวันของนครนิวยอร์กที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ได้ก่อให้เกิดขยะปริมาณมากกว่า 3.5 ล้านตัน ในแต่ละปี โดยเฉพาะขยะจากชีวิตประจำวันอย่าง แก้วพลาสติก กระดาษ และบรรจุภัณฑ์อาหารต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบ และมีขยะเพียง 6 หมื่นชิ้น หรือราว 17.5% ของขยะทั้งหมดเท่านั้นที่ถูกส่งไปรีไซเคิล
ขณะที่ปัจจุบันมีชาวนิวยอร์กที่หันมาใส่ใจการแยกขยะอย่างถูกต้องมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้การคัดแยกขยะไปรีไซเคิลสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่หน่วยงานต่างพยายามให้ความรู้ในการแยกขยะเพื่อลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจนทำให้ความตั้งใจเหล่านั้นเสียเปล่า เชช่น หลายคนอาจเผอทิ้งกล่องกระดาษที่ยังมีอาหารอยู่ด้านใน หรือการลืมแยกฝาออกจากขวดน้ำและแก้วกาแฟ
หนึ่งในมาตรการดังกล่าวคือการทำให้ทุกคนเห็นภาพอย่างชัดเจนว่า ขยะที่พวกเขาตั้งใจคัดแยกอย่างจริงจังนั้น จะถูกนำไปรีไซเคิลที่ไหน และมีปลายทางอย่างไร เหตุใดพวกเขาจึงควรแยกพวกมันออกจากกัน
โดยพลาสติก โลหะ และแก้วส่วนใหญ่ จะถูกส่งไปยังโรงงาน Balcones Material Recovery Facility ในซันเซ็ตพาร์ค บรู๊คลิน ที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงแปรรูปวัสดุเหล่านี้และส่งขายต่อให้อุตสาหกรรมต่างๆ นำไปผลตสินค้าต่อไป
ส่วนขยะประเภทกระดาษจะถูกส่งไปยัง โรงงาน Pratt Industries Paper Mill บนเกาะสแตเทน ซึ่งจะดำเนินการรีไซเคิลด้วยเครื่องบดย่อยกระดาษ และแปรรูปกระดาษเป็นกระดาษแข็งและกล่องพิซซ่า โดยสามารถผลิตกระดาษรีไซเคิลประมาณ 1,000 ตันในทุกวัน
นี่แสดงให้เห็นว่าการแยกขยะที่หลายประเทศพยายามรณรงค์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำอย่างสูญเปล่า แม้จะยังสามารถรีไซเคิลขยะได้น้อยมากเทียบกับปริมาณขยะในแต่ละปี แต่การรีไซเคิลก็ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งของต่างๆ ถูกฝังกลบหรือเผา ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศที่ทำให้โลกร้อนขึ้น นับเป็นการกระทำที่มีความหมายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน