รู้หรือไม่ ! 3 มิ.ย.วันต้นไม้แห่งชาติ สถานการณ์ป่าไม้ข้อมูลล่าสุดปี2565 พบว่า ปัจจุบันไทยมีป่า 102 ล้านไร่ ลดลง 0.04 % ความสำคัญของป่าไม้ 4 ประการ คือแหล่งผลิต อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ให้ประโยชน์ทางเศรษกิจ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว บรรเทาอุทกภัย
ป่าไม้ คือทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีค่ามากๆ ทั้งต่อมนุษย์ ต่อสัตว์น้อยใหญ่ และต่อโลกใบนี้ คุณรู้หรือไม่ว่า ? 3 มิ.ย. ของทุกปี คือวันต้นไม้แห่งชาติ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร เปิดเผยข้อมูลว่า วันต้นไม้แห่งชาติ เป็นวันสำคัญของชาติที่ประชาชนทุกหมู่เหล่า จะได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึกและช่วยเพิ่มพูนทรัพยากรป่าไม้ อันเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ อีกทางหนึ่งด้วยป่าไม้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต ป่าไม้เป็นแหล่งวัตถุดิบของปัจจัย 4 ตั้งแต่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ให้ประโยชน์ทางเศรษกิจ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การชลประทาน บรรเทาอุทกภัย และอื่นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสถิติคดีป่าไม้ คดีสัตว์ป่า ปีงบฯ66 มีมากน้อยเพียงใด ? อาการน่าห่วงไหม !
TGO เร่งสร้างรับรู้คาร์บอนเครดิต จากป่าไม้ สู่...เป้าหมาย NET ZERO
14 มกราคม วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ชวนตระหนักถึงคุณค่าป่าไม้
นอกจากนี้ป่ายังเป็นแหล่งดำรงรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะป่าฝนเขตร้อนที่พบได้มากในประเทศไทย ประมาณกันว่าเราสามารถพบสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในโลกประมาณ 40-70% ได้ในป่าฝนเขตร้อน ทั้งป่าฝนเขตร้อนยังเป็นแหล่งค้นพบเภสัชกรรมใหม่ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งหมุนเวียนออกซิเจนถึง 28% ของออกซิเจนทั้งหมดในโลก
ขณะที่กรมป่าไม้ ได้เผยถึงประโยชน์ของป่าไม้ไว้ว่าป่าไม้ให้ประโยชน์แก่มนุษย์ชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยผลประโยชน์ทางอ้อมนน้อยคนนักจะเห็นความสำคัญ บางทีอาจไม่คิดหรือรู้ซึ้งกัน แต่ความจริงแล้วประโยชน์ทางอ้อมอาจมีมูลค่ามากกว่าประโยชน์
ประโยชน์ทางตรงของป่าไม้
1.ไม้ใช้ในการสร้างบ้าน ทำรถ ต่อเรือ ทำสะพานทำเครื่องกีฬาต่าง ๆ เป็นต้น
2.ไม้ให้เชื้อเพลิงเช่น ใช้ไม้ทำฟืน เผาถ่าน การเดินรถไฟ เรือกลไฟ และใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
3.ไม้ให้วัสดุเคมี เช่น เซลลูโลสในการทำกระดาษ ไหมเทียม วัตถุระเบิด น้ำตาล ลิกนินใช้ทำน้ำหอมและเครื่องสำอางต่าง ๆ ยารักษาโรคผิวหนัง ฯลฯ
4.ได้อาหารจากป่า เช่น ดอก ผล เมล็ด ใบ ของพืชเป็นอาหาร เช่น หน่อไม้ ดอกแค มัน
5.ได้ยารักษาโรค เช่น สมุนไพรต่าง ๆ น้ำมันของผลกระเบาแก้โรคเรื้อน ต้นระย่อมรักษาโรคความดันโลหิตสูง เมล็ดของต้นแสลงใช้รักษาโรคหัวใจ
6.ได้ชัน ยาง น้ำมัน เช่น ชันตาแมว และชันกระบากใช้ทำน้ำมันชักเงา ยางรักใช้ทำเครื่องเขิน ยางสนใช้ทำยา น้ำมันไม้ยาง
7.ได้ฝาดฟอกหนังและสี ได้จากเปลือกไม้ต่าง ๆ เช่น ก่อ โกงกาง โปรง คูณ ได้จากแก่น เช่น ชัน จากผลได้แก่ ไม้ฝาง ชันจากต้นรัง และของต้นคำป่า
8.ได้อาหารสัตว์ เช่น นำสัตว์เข้าไปเลี้ยงในป่าเพราะในป่ามีหญ้า ผล และเมล็ดที่สัตว์ชอบกินอยู่มากมายหลายชนิด
เปิดประโยชน์ทางอ้อมของป่าไม้
1.ทำให้ฝนตกมากและมีความชุ่มชื้นในอากาศสม่ำเสมอ
2.บรรเทาความร้ายแรงของพายุ เพราะป่าจะเป็นฉากกำบังและลดความเร็วของลม
3.ป้องกันการกัดชะดิน ใบไม้ ต้นไม้ กิ่งไม้ เศษไม้ ซากพืช ซากสัตว์ จะคอยป้องกันความแรงของฝนมิให้ตกกระทบผิวดินหรือผิวหน้าดินให้ถูกกัดชะไป
4.ป้องกันน้ำท่วม เพราะป่าจะทำให้น้ำไหลช้าลงไม่ไหลหลากมาท่วมพื้นที่ที่ต่ำ
5. ทำให้มีน้ำไหลตลอดปี พื้นดินใต้ป่าจะเปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำในฤดูฝน แล้วค่อย ๆ ปล่อยออกมาในฤดูแล้ง
6. เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า นอกจากสัตว์จะกินพืชเป็นอาหารแล้ว สัตว์ยังอาศัยป่าเป็นที่อยู่อาศัยอีกด้วย
7. เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน หลังจากที่เคร่งเครียดจากการงานมาตลอดทั้งวัน
GISTDA ป่าไม้ไทยลดลง 0.04 %
สำหรับอัปเดตพื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ออกมาเปิดเผย ข้อมูลล่าสุดว่า ปี2565 พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทย มีพื้นที่อยู่ 102.35 ล้านไร่ คิดแป็น 31.64 % ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว 0.04 % (ซึ่งปีที่ผ่านมามีพื้นที่ป่าไม้ คิดเป็น 31.68 %) สาเหตุหลักๆมาจากการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ เพื่อทำมาหากินและทำการเกษตกรรม
ทั้งนี้หากมองไปที่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ที่เน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการผลักดันให้มีสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในทุกจังหวัดของประเทศไทย ด้วยการประกาศนโยบายป่าไม้แห่งชาติเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ทั้งป่าเพื่อการอนุรักษ์และเพื่อเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 40% ของพื้นที่ประเทศไทย ด้วยเหตุดังกล่าวรัฐบาลจึงได้มีนโยบายเร่งด่วนในการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพิ่มเติม รวมถึงการเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลายให้กลับคืนสภาพเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์คงเดิมต่อไป