55 ปี กฟผ. บน 5 เส้นทาง ส่องก้าวแรกบนภารกิจสร้างมั่นคงระบบไฟฟ้าไทย

ความมั่นคงด้านพลังงาน คือสิ่งสำคัญอย่างมากในการพัฒนาประเทศ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และให้ประชาชนคนไทยได้มีพลังงานไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอจากในอดีต จวบจนถึงปัจจุบัน และก้าวไปสู่ความยั่งยืน และมั่นคงในอนาคต นั่นคือ พันธกิจที่สำคัญของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ กฟผ. ที่สั่งสมความเชี่ยวชาญการดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทยมาถึง 55 ปี เพื่อเป็นการส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนไทย บน 5 เส้นทางภารกิจแห่งความยั่งยืน วันนี้จะพามาส่องพันธกิจแรกก้าวแรกตั้งแต่ในอดีตที่ กฟผ.เดินหน้าสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทยมาโดยตลอด

ก้าวแรก สู่ความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทย

รู้หรือไม่ว่า? “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย” ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2512 บนบทบาท “ผู้ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ” นับตั้งแต่การไฟฟ้ายันฮี การไฟฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ และการลิกไนท์เริ่มจากผสมผสานทั้งไฟฟ้าพลังน้ำและพลังความร้อนตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ กำลังการผลิตติดตั้งเริ่มต้นเพียง 908 เมกะวัตต์ จวบจนปัจจุบัน กฟผ. มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 16,261 เมกะวัตต์ คิดเป็น 32.75% ของกำลังผลิตตามสัญญาทั้งหมดของประเทศ เชื่อมโยงทั่วถึงทั้งประเทศกว่า 39,000 วงจร-กิโลเมตร และสถานีไฟฟ้าแรงสูง 237 สถานี

จากแผนงานทั้งหมด กฟผ. สร้างมั่นคงระบบไฟฟ้าไทยให้แข็งแกร่งรองรับอนาคต ซึ่งในอดีตทุกครั้งที่ประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตนับตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กฟผ. ถือเป็นหนึ่งกลไกสำคัญของรัฐที่ช่วยบรรเทาวิกฤตและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ วิกฤตราคาน้ำมันในปี 2516 และ 2522

โดย กฟผ. ได้เสาะแสวงหาแหล่งพลังงานอื่นๆ และเป็นผู้นำในการเจรจาขอรับซื้อก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบในอ่าวไทยเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้าทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในยุคต่อมา ซึ่งต่อจากนี้ไป กฟผ. ได้ปูทางมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งผ่านพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตและรองรับการพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมด คือ ก้าวแรกของ กฟผ. บน 5 เส้นทางภารกิจสร้างมั่นคงระบบไฟฟ้าไทย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมาแล้วกว่า 55 ปี ผ่านมากว่าครึ่งศตวรรษ กฟผ. ยังคงเดินหน้าภารกิจผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย พร้อมกับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนไทย