เจาะเทรนด์รถ EV ปี 2567 "อนาคตเมืองไทยกับรถยนต์ไฟฟ้า" จะเป็นอย่างไรบ้าง?

เทรนด์รถ EV ปี 2567 เป็นคำถามที่ทุกคนสงสัยว่าอนาคตประเทศไทยจะพร้อมใช้รถยนต์ไฟฟ้าจริงหรือไม่ ควรซื้อดีไหม ปัจจุบันสถานีชาร์จเพียงพอหรือยัง ซึ่งขณะนี้เชื่อว่ามีหลายคนกำลังจะเปลี่ยนจากรถยนต์ทั่วไปไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทน จากปัจจัยต่างๆ เช่น อยากประหยัดค่าน้ำมัน ,ต้องการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้น จนไปถึงความสนุกสนานในการขับรถยนต์ไฟฟ้าที่หลายคนชื่นชอบ 

ซึ่งทาง SPRiNGTech ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณกฤษฏา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เกี่ยวกับเทรนด์ รถ EV ในปีหน้า ดังนี้

ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ทำไม? ยังไม่ออกรถยนต์ไฟฟ้ามาตีตลาดกับค่ายจีน ,ยุโรป

คิดว่าเราเห็นเทคโนโลยีของค่ายรถญี่ปุ่น มาตั้งแต่แรกรุ่น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ที่เปิดตัวออกมาค่อนข้างเร็ว แต่ว่าในช่วงที่ Nissan Leaf ออกมา เรายังมีข้อจำกัดช่วงเทคโนโลยีเช่น ระยะทางที่วิ่งได้ไม่ไกลมาก (Battery Range) ค่อนข้างจำกัด และราคารถยังค่อนข้างสูง

เพราะฉะนั้นในเชิงเทคโนโลยี ญี่ปุ่นเองเค้ายังคงเลือกที่จะทำตลาดในแพลตฟอร์มรถยนต์สันดาปหรือรถยนต์ไฮบริด ยังไปได้ต่อ ซึ่งในยุคหลายปีที่ผ่านมา คิดว่าแนวคิดค่ายรถยนต์น่าจะคล้ายๆกัน ซึ่งจะเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงน้ำมันสู่พลังงานไฟฟ้าและไฮโดรเจน ซึ่งจะมีเทคโนโลยีไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดเป็นตัวเชื่อม อยู่ที่ค่ายรถนั้นๆจะเลือกเล่นแบบไหนที่เหมาะสมกับตลาด ซึ่งเป็นไปได้ว่าค่ายญี่ปุ่นยังคงเป็นเลือกใช้เทคโนโลยีเดิมในการทำตลาดอยู่

เทียบกับค่ายรถยนต์จีน ส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่ามีหลายแบรนด์ที่มาเริ่มต้นใหม่ และเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาป (ICE) มาสู่รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เลย เนื่องจากปัจจัยต่างๆเช่น รัฐบาลจีนมีการสนับสนุนจำนวนมาก ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าออกมาถี่มากกว่า และแบรนด์จีนมองตัวเองว่าเป็นเจ้าตลาดได้ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 100 แบรนด์ ซึ่งมีทั้งแบรนด์เก่าและแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอีกในปีหน้า

อนาคตเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย มีทิศทาง-แนวโน้มไปในทิศทางใด หากในไทยมีคนใช้เพิ่มขึ้นมาก สถานีชาร์จจะเพียงพอและทันต่อการใช้งาน Daily-use หรือไม่?

พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทย เริ่มที่จะปรับตัวเองกับการใช้งานสถานีชาร์จ EV มากขึ้น ซึ่งผู้ให้บริการเองก็ได้ปรับตัวไปตามรูปแบบของตลาด สัดส่วนของสถานีชาร์จ EV ในไทยปัจจุบัน มีทั้งหมด 2,000 หัวจ่ายทั่วประเทศ และมากกว่า 1400 โลเคชั่น ซึ่งถ้าเทียบจากสัดส่วนก็จะมี 21 คัน ต่อ 1 หัวจ่าย แต่กลับมาฝั่งจีน 7,000 ต่อ 1 หัวจ่าย เราก็มองว่าในสัดส่วนขณะนี้ เห็นได้ว่าสถานีชาร์จอาจน้อยจริง แต่ยังไม่ได้อาจเป็นปัญหามากนัก

เนื่องจากล่าสุดเราได้เห็นโมเดลในการบริการต่างๆมากเพิ่มขึ้น เช่น ระบบการจองสถานีชาร์จล่วงหน้า, หรือในฝั่ง PEA ที่ในแอปพลิเคชั่นสามารถบอกได้ว่าหัวจ่ายนั้นๆ ชาร์จไปแล้วกี่ % ทำให้เราคำนวณการใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่ง เมื่อมีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น ระบบต่างๆก็เปลี่ยนไปตามรูปแบบการใช้งาน บางที่ให้ชาร์จเพียง 30 นาทีเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการจอดแช่ จอดทิ้งไว้ และแย่งสถานีชาร์จเกิดขึ้น ซึ่งโมเดลแบบนี้จะทำให้การใช้สถานีชาร์จคล่องตัวมากขึ้น 

ภายในปีหน้า 2567 สถานีชาร์จที่เป็น (DC Fast Charge) จะมีเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน?

อนาคตแน่นอนว่าเราจะได้เห็นสถานีชาร์จเร็ว (DC Fast Charge) ตามทางด่วน (Highway) มากขึ้น เพราะตอบโจทย์มากกว่า AC ที่มักมีการจ่ายไฟที่ไม่เพียงพอ และจะมีการเพิ่มขึ้นของสถานีชาร์จมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยิ่งเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาให้รองรับกระแสไฟที่มากขึ้น คนใช้งานก็ต้องการชาร์จกับสถานีที่ชาร์จเร็วและไม่เสียเวลา

มีโอกาสมาก-น้อยแค่ไหน ที่ประเทศไทยจะได้เป็น EV Hub ในอนาคต

ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดี และมีการเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีแพ็คเกจ EV 3.0 ซึ่งในปัจจุบันจะมีประมาณ 14 ค่ายรถยนต์ที่ลงนามใน MOU สรรพสามิตเรียบร้อยแล้ว และในเฟสถัดมา เราจะเริ่มเห็นค่ายรถจากต่างชาติอื่นๆนอกจากจีน ซึ่งจริงๆแล้วในปัจจุบันมีแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota ที่เซ็นไปเรียบร้อยแล้ว และยังมีทางบริษัทสัญชาติเกาหลีเข้ามาเพิ่มเติมอีก 

โดยเราสามารถสรุปได้ว่าเทรนด์รถ EV ในปี 2567 นั้นมีแนวโน้มที่จะมีหลากหลายค่ายรถเข้ามาลงทุนและจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมาตรการรัฐบาลต่างๆที่สนับสนุนให้เข้ามาผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย อนาคตเราจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นหลากหลายแบรนด์มากขึ้น บวกกับผู้ให้บริการสถานีชาร์จที่ปรับตัวและพัฒนาบริการต่างๆและขยายสถานีชาร์จอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มากขึ้น 

ควรซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเลยหรือไม่ หรือควรรอก่อน?

ในปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีสถานีชาร์จมากพอสำหรับการใช้งานเดินทางไกลแล้ว เพียงแต่ต้องวางแผนเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลวันหยุดเท่านั้น บวกกับมีความรู้เกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นต่างๆที่เกี่ยวกับการใช้รถ EV แต่แน่นอนว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะตอบโจทย์ทั้งด้านการประหยัดค่าน้ำมัน, เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่ารถทั่วไป ซึ่งในปีหน้าเราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆจากรถ EV เพิ่มมากขึ้นและเร็วขึ้นอย่างแน่นอน