กฟน.นั่งไม่ติด ออกมาชี้แจงสาเหตุค่าไฟฟ้าแพง มาจากหน้าร้อนคนใช้ไฟมาก ชี้อากาศร้อนขึ้นเพียง 1 องศา ทำค่าไฟฟ้าพุ่งร้อยละ 3 แม้จะใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม ค่าไฟฟ้ากลับเพิ่มขึ้น พร้อมแนะปรับฤติกรรมการใช้ไฟ วิธีประหยัด เปิดแอร์ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลม
โดยนายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.(MEA)ในฐานะโฆษกกฟน. เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าร้อนจะมีประชาชนใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และค่าไฟสูงขึ้นกัน จึงมีคนสงสัยว่าค่าไฟสูงขึ้นเพราะการไฟฟ้าขึ้นค่าไฟหรือไม่ ล่าสุดกฟน.ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงเรื่องของการขึ้นค่าไฟ ยืนยันว่ายังใช้หลักเกณฑ์วิธีการคิดค่าไฟฟ้าจากหน่วยการใช้ไฟฟ้าในอัตราตามที่นโยบายของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดให้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ค่าไฟขึ้นสาเหตุที่ทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นต้องทำงานมากขึ้น และใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ในสภาวะอากาศปกติ เช่น อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส หากบ้านเราปรับอุณหภูมิแอร์ในห้องที่ 26 องศาเซลเซียส
ดังนั้นแอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ 4 องศาเซลเซียส ซึ่งหากเป็นช่วงที่มีอากาศร้อนจัด เช่นหากวันไหนอุณหภูมิภายนอก 40 องศาเซลเซียส บ้านเราตั้งอุณหภูมิแอร์ในห้องเท่าเดิมไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส แอร์จะต้องทำงานเพื่อลดอุณหภูมิให้ได้ถึง 14 องศาเซลเซียล ดังนันแอร์จึงทำงานหนักมากขึ้น และกินไฟมากกขึ้นเช่นกัน พร้อมทั้งต้องรักษาอุณหภูมิในสภาวะที่มีความร้อนจัดจากภายนอกรบกวนที่เป็นสาเหตุทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กฟน. ได้ทดสอบอุณหภูมิภายนอกที่เพิ่มขึ้นทุก 1 องศาเซลเซียสแอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 3 ถึงแม้จะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในระยะเวลาเท่ากัน หรือปรับตั้งค่าอุณหภูมิเท่าเดิมก็ตาม อีกทั้งในช่วงอากาศร้อนพฤติกรรมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น การเปิดปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง การประกอบอาหารด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้น้ำอุปโภคบริโภคมากขึ้นทำให้ปั๊มน้ำทำงานหนักจึงทำให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทั้งนี้แนะนำประชาชนควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าตามยึดหลัก "ปิด - ปรับ - ปลด - เปลี่ยน" ให้ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้ พร้อมปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่ จะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้เช่นกัน ดังนั้นประชาชนลองนำไปปฏิบัติได้