ตอนนี้ได้มีการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 แห่ง โดย สำนักงาน กกพ. และ กทม. ได้มีการมอบเงินกองทุนติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” กว่า 2.795 เมกะวัตต์ วางเป้าในการลดค่าไฟฟ้ากว่าปีละ 14 ล้านบาท
การติดตั้ง โซลาร์เซลล์ เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดการปล่อยคาร์บอน สำนักงาน กกพ. และ กทม. จึงได้มีการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับโรงพยาบาล ในสังกัดสำนักการแพทย์ กทม. เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาล
โดยในระยะที่ 1 สำนักงาน กกพ.ได้สนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 10 โรงพยาบาล ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 2.795 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถลดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายคาร์บอนคุมได้ กทม. ปลอดคาร์บอน (Bangkok Metropolitan Administration: BMA Net Zero) ได้กว่า 2,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และคาดว่าจะลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครได้ปีละ 14 ล้านบาท
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานในพิธีกล่าวว่า กรุงเทพมหานครเล็งเห็นถึงความสำคัญจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประชาชน ในปี พ.ศ. 2561 กรุงเทพมหานครได้มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 43.71 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี จากกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การใช้พลังงานในอาคาร ภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม การจัดการขยะและบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น
โรงพยาบาลเป็นหนึ่งในประเภทอาคารที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง และใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อการบริการด้านสาธารณสุขให้กับประชาชน การดำเนินงานร่วมกันในครั้งนี้จะสนับสนุนการขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครไปสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดความเสี่ยง ต้นทุน และความเสียหายจากภัยพิบัติธรรมชาติ
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
เตือน! ฝุ่น PM2.5 กลับมาหนัก 1-4 ก.พ. 2566 ใช้รถเท่าที่จำเป็น แนะ Work from home
สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วม กฟผ. เปิดการเเข่งขันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง
นาซา NASA เผยภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคาร แสดงให้เห็นร่องรอยคล้าย หน้าหมี
ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทกรุงเทพมหานครว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2564 – 2573 โดยมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 19 และได้กำหนดวิสัยทัศน์ที่จะมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593
นายนรินทร์ โอภามุรธาวงศ์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สำคัญในการดำเนินการตามแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 และเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608 ซึ่งประเทศไทยจะต้องเตรียมการรองรับ การปรับตัว รวมถึงมาตรการระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นมาตรการหนึ่งตามแผนพัฒนาการผลิตพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งกำหนดเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จากโซลาร์เซลล์จำนวน 8,740 เมกะวัตต์ ในปี พ.ศ. 2580 ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กกพ. และกรุงเทพมหานคร ในการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จึงเป็นการดำเนินการที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างสำนักงาน กกพ. โดยนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โดยนางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ซึ่งมีนายนรินทร์ โอภามุรธาวงศ์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ